เจ้าหน้าที่หมอไร้พรมแดน เผย พม่ายังต้องการได้รับความช่วยเหลือบริจาคสิ่งของ ให้การช่วยเหลือตรวจรักษากว่าแสนคน ไม่พบโรคระบาดรุนแรงแต่ส่วนใหญ่มีปัญหาทางจิต นอนไม่หลับ หวาดผวา วิตกกังวลกลัวไม่มีข้าวกิน เร่งอบรมอาสาสมัครท้องถิ่นทำกิจกรรมลดเครียด
นายแฟรงค์ สมิทสวิส ผู้อำนวยการองค์การหมอไร้พรมแดน ประจำสหภาพพม่า กล่าวว่า การเข้าไปในพื้นที่ที่ประสบภัยหลังเกิดพายุไซโคลนนาร์กีส เป็นเรื่องยากลำบากมาก เราได้เช่าเรือ และรถบรรทุกเข้าไปในพื้นที่ปากแม่น้ำอิรวดี
โดยไม่ได้ประเมินสถานการณ์ก่อน เพราะจะทำให้การช่วยเหลือช้ามาก เราควรทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด มีการซื้อสินค้าเข้าไปในพื้นที่มากที่สุด สิ่งของนำเข้า ไปเช่น เครื่องทำน้ำสะอาด และได้จ้างรถบรรทุก 200-300 คัน และเรือจำนวน 20 ลำ จ้างอาสาสมัครชาวพม่า จำนวน 250 คน อาสาสมัครชาวต่างชาติ 25 คน มีวัสดุเพื่อสร้างเป็นศูนย์พักพิงจำนวน 1.5 แสนหลัง
ส่วนเสบียงอาหารได้ส่งเข้าไป 2 ล้านกิโลกรัม ส่วนหน่วยแพทย์มี 43 หน่วย โดยมีแพทย์ 1คน พยาบาล 1 คน ต่อ 1 หน่วยแพทย์ มีผู้เข้ามารักษาพยาบาลรวมทุกโรค 3-4 หมื่นครั้ง สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ 3 แสนคน ส่วนใหญ่มีอาการป่วยไม่รุนแรง เช่น ท้องเสีย มีไข้ ไม่พบการป่วยด้วยโรคร้ายแรง หรือโรคระบาดใหญ่ๆ ส่วนโรคอหิวาต์ ถือเป็นโรคระบาดที่มีทุกปี ในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย.ซึ่งมีการเตรียมการเฝ้าระวังจับตาตลอดเวลา เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดโรคระบาดได้
“หลังจาก 4 สัปดาห์ ผ่านไปแล้ว ยอมรับว่า เรายังให้การช่วยเหลือได้ไม่มากเท่าที่ควร มีคนจำนวนน้อยที่ได้รับการช่วยเหลือที่เพียงพอ เพราะมีแต่การประเมินสถานการณ์แต่การช่วยเหลือยังไม่เพียงพอ ซึ่งจากประสบการณ์ในการทำงานในพม่า ยืนยันว่า ไม่ได้ถูกกีดกันจากรัฐบาลพม่า และองค์กรหมอไร้พรมแดนสามารถทำงานในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี โดยไม่ถูกก้าวก่ายการทำงานแต่อย่างใด ซึ่งการให้ความช่วยเหลือก็สามารถควบคุมสถานการณ์ได้บางส่วน เนื่องจากสภาพพื้นที่ถูกทำลายสิ้นเชิง โดยทางฝั่งตะวันตกสามารถให้การช่วยเหลือได้ 90% ซึ่งขณะนี้ไม่ค่อยมีปัญหาแล้ว แต่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิรวดี ยังน่าเป็นห่วง เพราะสภาพพื้นที่เข้าถึงได้ยาก” นายแฟรงค์ กล่าว
นายแฟรงค์ กล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ตนไม่เข้าใจว่า เหตุใดนานาชาติจึงให้การช่วยเหลือในเรื่องการบริจาคน้อย แต่สึนามิบริจาคเยอะมาก ทั้งๆ ที่ปัญหาความเดือนร้อนก็ไม่แตกต่างกัน เป็นเพราะนี่เป็นประเทศพม่าหรือไม่ คนจึงช่วยน้อย อยากให้ร่วมกันช่วยเหลือบริจาค กันมากๆ เพราะยังมีอีกหลายหมู่บ้านที่มีปัญหา ชาวบ้านได้รับความช่วยเหลือรู้สึกดีใจมาก เหมือนไม่เคยได้รับความช่วยเหลือมาก่อน
นายคาซ เดอ ฌองช์ นักจิตวิทยา องค์การหมอไร้พรมแดน กล่าวว่า จากการเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพม่าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะนี้พบว่า สภาพจิตใจผู้รอดชีวิตน่าเป็นห่วง ประชาชนจำนวนมาก มีอาการเศร้า วิตกกังวล และกลัวไม่มีข้าวกิน โดยเฉพาะกลางดึกจะมีอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย หลับไม่สนิท กลางคืนฝันเห็นญาติที่ตายไปแล้วในพายุมาหา และเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นมาอีก ซึ่งทีมจิตแพทย์ต้องวิเคราะห์อาการทางจิตของผู้ป่วยแต่ละราย ในรายรุนแรงจำเป็นต้องบำบัดด้วยยา ซึ่งพม่าไม่มียาด้านจิตเวช จึงต้องขอการสนับสนุนจากนานชาติ
“ขณะนี้เร่งอบรมคนในท้องถิ่นให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขจัดกิจกรรม บำบัด ความเครียดให้กับผู้รอดชีวิต ซึ่งกิจกรรมช่วยลดความเครียดได้ระดับหนึ่ง ทำให้คนพม่ารู้สึกประทับใจที่ได้รับความช่วยเหลือ ทำให้มีกำลังใจอยู่ต่อสู้ชีวิตกับความยากลำบาก โดยเริ่มจากการสร้างบ้าน และนำวิถีชีวิตกลับมาเพื่อดำเนินชีวิตต่อได้” นายคาซ เดอ ฌองช์ กล่าว
