xs
xsm
sm
md
lg

เปิดวัดเทวราชกุญชรฯ สมโภช “พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ” 5-6 มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัดเทวราชกุญชรฯ
กทม.และวัดเทวราชกุญชรฯ ขอเชิญร่วมงาน “รื่นรมย์วัฒนธรรม…อารามงามล้ำเขตดุสิต” สมโภชพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ณ วัดเทวราชกุญชรฯ” ระหว่างวันที่ 5-6 มิถุนายนนี้ พร้อมชมการแสดงแสงสีเสียงตระการตา การแสดงมหรสพต่างๆ มากมาย เช่น หุ่นกระบอก ละครนอก เสภาตลก และชมพิพิธภัณฑ์ไม้สักทองที่มีความงดงามอย่างยิ่ง

นายกิตตินันท์ ขาวสุทธิ์ ผู้อำนวยการเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำนักงานเขตดุสิต ได้ร่วมกับวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงที่สำคัญ มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของวัดที่น่าสนใจ กำหนดจัดงาน “รื่นรมย์วัฒนธรรม…อารามงามล้ำเขตดุสิต สมโภชพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ณ วัดเทวราชกุญชรฯ” ระหว่างวันที่ 5-6 มิถุนายนนี้ ระหว่างเวลา 17.00-21.00 น.

โดยการจัดงานครั้งนี้จะช่วยทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงความสำคัญ การร่วมอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม และเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในวิถีชุมชนเมืองของ กทม. สำหรับกิจกรรมภายในงานประกอบไปด้วยพิธีมหามงคล ขบวนแห่อัญเชิญ ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และจะมีพิธีบวงสรวงบริเวณหน้าอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าร่วมพิธีและสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
นอกจากนี้ ภายในงานได้รวบรวมการแสดงศิลปวัฒนธรรม และมหรสพไทยที่หาชมได้ยาก อาทิ การแสดงละครพันทาง เรื่อง ราชาธิราช, ละครเสภาตลก เรื่องขุนช้าง ขุนแผน ละครนอก เรื่องไกรทอง หุ่นกระบอก เรื่องพระอภัยมณี วัฒนธรรมร่วมสมัย และมีการแสดงแสง สี เสียงและสื่อผสมที่สวยงามตระการตา ชุด สวรรค์นฤมิต...สถิตรื่นรมย์สมสมัย รวมทั้งการจัดแสดงการสาธิตงานฝีมือไทย ตลอดจนมีซุ้มการถ่ายภาพย้อนยุค และการออกร้านจำหน่ายสินค้าและอาหารมากมาย

โดยในวันที่ 5 มิ.ย. จะเริ่มขบวนแห่อัญเชิญพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ และพิธีบวงสรวง ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป โดยขบวนจะเริ่มต้นจากแยกสี่เสาเทเวศร์ เข้าสู่วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร ทั้งนี้ สำนักงานเขตดุสิตได้อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่สนใจมาร่วมชมงาน โดยจัดบริการรถราง บริเวณแยกสี่เสาเทเวศร์เข้าสู่วัดเทวราชกุญชรในช่วงเวลาการจัดงานอีกด้วยจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน และร่วมสร้างบุญเสริมสิริมงคลก่อนเข้าพรรษา พร้อมชมกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมที่หาชมได้ยาก ในงานตามวันเวลาดังกล่าว

ด้าน พระศรีวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรฯ กล่าวว่า วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ที่มีความงดงามทางสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถ มณฑปจัตุรมุข ศาลาการเปรียญทรงไทยประเพณี อีกทั้งยังมีความงดงามทางจิตรกรรมฝาผนัง และหมู่อาคารอื่นที่เป็นเรือนไทยประยุกต์ ลักษณะทรงปั้นหยา

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์จำนวน 18 พระองค์ พร้อมพระประวัติอีกด้วย และที่สำคัญในปี 2551 นี้ พิพิธภัณฑ์ไม้สักทองซึ่งเป็นบ้านไม้สักทองหลังใหญ่ มีเสาขนาดใหญ่ขนาด 2 คนโอบ ถึง 59 ต้น จะก่อสร้างแล้วเสร็จ และจะเป็นสถานที่จัดแสดงสิ่งของล้ำค่าต่างๆ ที่ทางวัดได้รวบรวมไว้ อาทิ พระพุทธรูปเก่าแก่ พระบรมรูปและเครื่องใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้น

สำหรับวัดเทวราชกุญชร ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๑๘๕๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๐ เดิมเป็นวัดราษฏร์สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เรียกกันว่า "วัดสมอแครง" เล่ากันว่า ชื่อนี้เพราะมีต้นสมอร่องแร่งมาก แต่บางท่านสันนิษฐานว่า ค่ำว่า "สมอ"เพี้ยนมาจากคำว่า "ถมอ" (ถะมอ) เป็นภาษาเขมร แปลว่าหิน วัดนี้คงเรียกกันครั้งแรกว่า ถมอแครง แปลว่า หินแกร่งหรือหินแข็ง ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระองค์ทรงรับเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า " วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร" โดยนำพระนามเดิมของกรมพระพิทักษ์เทเวศรมาตั้ง เพราะกรมพระพิทักษ์เทเวศรทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ แม้ต่อมาภายหลังพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ์ ได้บูรณปฏิสังขรณ์อีก

พระอริยมุนี (ศรี ฐิตพโล ป.ธ.8) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร บันทึกไว้ว่า ต่อแต่นั้นมาก็ไม่ปรากฎผู้บูรณปฏิสังขรณ์อีก คงเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาสบอกบุญเก็บเล็กผสมน้อยจุนที่นั้นค้ำที่นี่เรื่อยมา ท่านรูปใดมีบารมีมากก็ทำได้มาก รูปใดน้อยวาสนาบารมีก็ทำได้น้อย หากว่าท่านรูปใดไร้วาสนาบารมีมาครองวัดเท่ากับว่ามาช่วยทำลายหรือมาช่วยรื้อ เทวราชกุญชรซึ่งจะมีคติเหมือนช้างพระอินทร์ ช้างพระอินทร์เป็นช้างจำแลงของเทพบุตรนามว่า เอราวัณ เอราวัณเทพบุตรจะกลายร่างเป็นช้างก็ต่อเมื่อพระอินทร์และเทพสหจรประสงค์จะเสด็จออกจากเทพวิมานสู่เทพอุทยานเท่านั้น หมายความว่า จะปรากฏเป็นคชาชาติที่มีอานุภาพน่าอัศจรรย์ เพราะเดชแห่งบุญของท่านผู้มีบุญเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วจะปรากฏแต่เพียงนาม ส่วนเอราวัณนั้นจะปรากฏเป็นเทพบุตรเหมือนเทพบุตรทั้งหลายในเทพนคร

ช้างพระอินทร์ หรือเทวราชกุญชร ที่ทรงพระราชทานให้เป็นนามวัดสมอแครงนั้นย่อมมีคติเช่นเดียวกัน คือเมื่อใดผู้บำรุงรักษามีบุญญาธิการได้สร้างสมมาแต่ปุเรชาติ ย่อมสามารถและมีโอกาสได้พบเห็นวัดเทวราชกุญชรนี้สง่างาม ถ้าผู้มีบุญญาธิการน้อย ย่อมตกอยู่ในสภาพตกกันข้าม เหมือนช้างเอราวัณของพระอินทร์จะไม่กลายร่างเป็นช้าง 33 กระพอง ให้เทพเจ้าเหล่าอื่นได้ทรงเป็นอันขาด เพราะเทพเจ้าเหล่าอื่นมีบุญญาธิการไม่คู่ควรกัน

วัดเทวราชกุญชรนั้นจะสง่างามสมนามพระราชทาทนต้องอาศัยผู้บุญญาธิการ เปรียบเหมือนช้างเอราวัณเทพบุตรจะสง่างามก็ต่อเมื่อพระอินทร์และเทพสหจรทรงประทับเสด็จออกจากเทพวิมานสู่เทพอุทยาน หากวัดเทวราชกุญชรไร้ผู้มีบุญญาธิการก็จะเหมือนเอราวัณเทพบุตรที่พระอินทร์และเทพสหจรมิได้ทรงประทับนั่นเอง ช้างเอราวัณก็จะปรากฎเหมือนเทพบุตรทั้งหลายในเทพนคร
กำลังโหลดความคิดเห็น