สอศ.ตั้งเป้าปีนี้ขยาย Fixit center สู่ทุกชุมชน พร้อมเดินหน้าสร้างสิ่งประดิษฐ์ฝีมือคนไทย หวังลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญโครงการ Fixit center เพราะโครงการนี้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน สามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ จึงมีแผนขยายโครงการให้ครอบคลุมทุกชุมชนภายในปีนี้ ซึ่ง Fixit center ในแต่ละท้องถิ่นอาจไม่เหมือนกัน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับชุมชนแถบนั้นประกอบอาชีพด้านใดเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้คนหันมาให้ความสำคัญด้านการเกษตร เพราะสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าว และพืชที่นำมาผลิตน้ำมัน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ฯลฯ แน่นอนการทำเกษตรยุคใหม่ส่วนมากจะใช้เครื่องจักรมาเป็นเรื่องทุ่นแรง เมื่อเครื่องจักรใช้งานบ่อย ใช้เป็นเวลานาน ก็ต้องชำรุดจำเป็นต้องซ่อม แล้วบางพื้นที่ไม่มีช่างซ่อม หรือมีช่างแต่อยู่คนละหมู่บ้านซึ่งไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย
“เพื่ออำนวยความสะดวกนักศึกษาจะเข้าเดินทางเข้าไปซ่อมเครื่องจักรให้ชาวบ้าน นอกจากซ่อมเครื่องให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว อาจารย์จะเข้าไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่ช่างในชุมชนหรือผู้ที่สนใจ เพื่อให้ชาวบ้านเปิดอู่เล็กๆ ซ่อม สร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ครอบครัว” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วางแผนประดิษฐ์เครื่องมือด้านการเกษตร และแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อยืดอายุให้ยาวนานขึ้น ถ้าหากสังเกตเครื่องจักรด้านการเกษตรเกือบ 100% นำเข้าจากต่างประเทศ ทาง สอศ.สนับสนุนให้อาจารย์ นักศึกษา และปราชญ์ ร่วมกันคิดสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ ในระยะแรกอาจจะไม่สมบูรณ์ เราค่อยๆ พัฒนาสุดท้ายจะมีสิ่งประดิษฐ์โดยฝีมือคนไทย
“ในอนาคตถ้าพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้นให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ สอศ.อาจจะประดิษฐ์ขึ้นมาจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในราคาทุน หรือชาวบ้านไม่มีเงินซื้อจะเลือกเช่าเครื่องมือไปใช้ และให้นักศึกษานำสิ่งประดิษฐ์ไปใช้งาน วิธีเหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของชาวบ้าน” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ วงษ์สมบัติ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญโครงการ Fixit center เพราะโครงการนี้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน สามารถลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มรายได้ จึงมีแผนขยายโครงการให้ครอบคลุมทุกชุมชนภายในปีนี้ ซึ่ง Fixit center ในแต่ละท้องถิ่นอาจไม่เหมือนกัน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับชุมชนแถบนั้นประกอบอาชีพด้านใดเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้คนหันมาให้ความสำคัญด้านการเกษตร เพราะสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าว และพืชที่นำมาผลิตน้ำมัน เช่น อ้อย มันสำปะหลัง ฯลฯ แน่นอนการทำเกษตรยุคใหม่ส่วนมากจะใช้เครื่องจักรมาเป็นเรื่องทุ่นแรง เมื่อเครื่องจักรใช้งานบ่อย ใช้เป็นเวลานาน ก็ต้องชำรุดจำเป็นต้องซ่อม แล้วบางพื้นที่ไม่มีช่างซ่อม หรือมีช่างแต่อยู่คนละหมู่บ้านซึ่งไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย
“เพื่ออำนวยความสะดวกนักศึกษาจะเข้าเดินทางเข้าไปซ่อมเครื่องจักรให้ชาวบ้าน นอกจากซ่อมเครื่องให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว อาจารย์จะเข้าไปถ่ายทอดความรู้ให้แก่ช่างในชุมชนหรือผู้ที่สนใจ เพื่อให้ชาวบ้านเปิดอู่เล็กๆ ซ่อม สร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ให้แก่ครอบครัว” นายวีระศักดิ์ กล่าว
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) วางแผนประดิษฐ์เครื่องมือด้านการเกษตร และแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรเพื่อยืดอายุให้ยาวนานขึ้น ถ้าหากสังเกตเครื่องจักรด้านการเกษตรเกือบ 100% นำเข้าจากต่างประเทศ ทาง สอศ.สนับสนุนให้อาจารย์ นักศึกษา และปราชญ์ ร่วมกันคิดสิ่งประดิษฐ์ขึ้นมาใช้ ในระยะแรกอาจจะไม่สมบูรณ์ เราค่อยๆ พัฒนาสุดท้ายจะมีสิ่งประดิษฐ์โดยฝีมือคนไทย
“ในอนาคตถ้าพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนั้นให้ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ สอศ.อาจจะประดิษฐ์ขึ้นมาจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านในราคาทุน หรือชาวบ้านไม่มีเงินซื้อจะเลือกเช่าเครื่องมือไปใช้ และให้นักศึกษานำสิ่งประดิษฐ์ไปใช้งาน วิธีเหล่านี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของชาวบ้าน” นายวีระศักดิ์ กล่าว
