ศูนย์ข่าวศรีราชา- กลุ่มนักธุรกิจพัทยาหัวใส จัดตั้งบริษัทสร้างอุปกรณ์ผลิตเชื้อเพลิงชนิดใหม่ หวังช่วยชาติลดพลังงาน โดยจากผลการทดสอบพบ ช่วยประหยัดได้ถึงกว่า 30% เตรียมจดลิขสิทธิ์ผลิตจำหน่ายให้กับคนไทย
วันนี้ (30 ก.ค.) นายธเนศ เครือคูน พร้อมด้วย นายเกษม แสงจันทร์ และนายณรงค์ ชัยเคน 3 นักธุรกิจในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้ร่วมกันทำการเปิดตัวสิ่งประดิษฐ์ใหม่ภายใต้แนวคิดของ บ.ไทยฟรี เอเนอจี้ จำกัด ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงแบบใหม่ ที่จะนำมาใช้ร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้รถสามารถลดพลังงานในการขับขี่ได้กว่า 30%
นายธเนศ เปิดเผยว่า จากการเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์ กับเพื่อน ก็ได้ไปค้นพบว่าสามารถผลิตอุปกรณ์บางชนิดขึ้นมาได้ เพื่อใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนน้ำมัน ซึ่งแม้ว่าจะไม่สามารถใช้ได้ถึง 100 % แต่ก็สามารถประหยัดพลังงานไปได้กว่าเดิมถึง 30% ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อผู้ใช้รถและพลังงานของชาติ
สำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวได้มีการร่วมคิดทำ โดยการนำกระบอกสแตนเลส ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 ซม.นำมาบรรจุสารเคมีบางชนิด (ขอสงวนเป็นความลับ) และใส่น้ำบริสุทธิ์จำนวน 1 ลิตร จากนั้นก็นำสายไฟซึ่งต่อจากขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 12 โวลต์ มาที่กระบอกดังกล่าว เพื่อให้กระแสไฟทำปฏิกิริยากับน้ำเพื่อกลั่นเอา “ก๊าซไฮโดรเจน” บริสุทธิ์ออกมา ก่อนจะต่อสายนำก๊าซดังกล่าวไปยังเครื่องยนต์ เพื่อใช้เป็นพลังงานร่วมกับน้ำมันเชื้อเพลิงปกติ
ทั้งนี้ ก๊าซดังกล่าวถือว่าเป็นก๊าซบริสุทธิ์และมีอัตราการเผาไหม้ดี ซึ่งจากการทดสอบนอกจากจะสามารถใช้เป็นพลังงานร่วมและสามารถลดพลังงานได้กว่า 30% จากการใช้งานปกติแล้ว ยังทำให้เครื่องยนต์มาอัตราเร่งดีขึ้นและแรงม้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายธเนศ กล่าวต่อไปว่า จากการทดสอบนั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงได้มีการเสนอเพื่อขดจดลิขสิทธิ์และเตรียมนำเรื่องส่งต่อไป ยังกระทรวงพลังงานเพื่อมาตรวจสอบหากพบว่าผ่านความเห็นชอบก็สามารถผลิตเพื่อจำหน่ายได้ โดยต้นทุนการผลิตนั้นอยู่ที่ประมาณ 1-2 หมื่นบาท และไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก จะมีก็เพียงการเติมน้ำเมื่อปริมาณน้ำลดลงและสารเคมีซึ่งเป็นตัวเร่งทำปฏิกิริยาที่ใช่อัตราส่วนเพียง 500 กม.ต่อครั้งเท่านั้น
สำหรับอันตรายจากก๊าซ ยืนยันว่า ไม่มีแม้ว่า “ก๊าซไฮโดรเจน” จะเป็นก๊าซไวไฟ แต่ก๊าซจากอุปกรณ์ที่ผลิตนั้นจะมีก๊าซที่เกิดขึ้นเฉพาะการใช้งาน และพอสำหรับการวิ่งรถเท่านั้น หรือผลิตเท่าไรก็ใช้เท่านั้น จึงไม่มีการสะสมที่จะก่อ ให้เกิดอันตรายแน่นอน