xs
xsm
sm
md
lg

สธ.จับมือมหาดไทยห้ามสูบบุหรี่ในที่ทำงานทุกศูนย์ราชการทั่วประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สธ.จับมือมหาดไทย สสส.ลงนามบันทึกข้อตกลงให้ศูนย์ราชการในจังหวัดภาคอีสาน เป็นเขตปลอดบุหรี่ พร้อมทั้งจัดประชุมชี้แจงผู้เกี่ยวข้องทั้ง 19 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับรู้และทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 มหาดไทยหนุนสั่งศูนย์ราชการทั่วประเทศเป็นเขตปลอดบุหรี่ด้วย

นพ.เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมทั้ง นายกิตติพงษ์ สุนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย 19 จังหวัด คือ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ขอนแก่น เลย หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ นครพนม มุกดาหาร ศีรษะเกษ ยโสธร สกลนคร กาฬสินธุ์ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกันที่จะดำเนินการให้ศูนย์ราชการและสถานที่ราชการในทุกจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเขตปลอดบุหรี่ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป และหลังจากที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงแล้วได้มีการจัดประชุมชี้แจงให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัด/เทศบาล ประชาสัมพันธ์จังหวัด ขนส่งจังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด สื่อมวลชนจาก 19 จังหวัด จำนวนทั้งสิ้น 100 คน เพื่อทำความเข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมอบแนวทาง นโยบายการดำเนินการให้สถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่

นพ.เสรี หงษ์หยก รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การดำเนินการในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ต่อยอดจากการดำเนินการให้สถานที่ราชการให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ในปี 2549 ที่ได้ดำเนินการไปแล้วครบทั้ง20 กระทรวง กับอีก 9 หน่วยงานในส่วนกลาง ซึ่งพบว่าเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการนี้เห็นด้วยถึง ร้อยละ 73.59 และรับรู้ว่าสถานที่ราชการเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมายร้อยละ 90.57 จึงได้มีการขยายผลในการจัดให้สถานที่ราชการให้เป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมายต่อไปยังส่วนภูมิภาคทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2551 นี้ โดยจะดำเนินการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันทั้งศูนย์ราชการ 75 จังหวัด และ ได้มีการสนับสนุนเป็นพิเศษในหน่วยราชการ 8 จังหวัดนำร่อง คือ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา นครศรีธรรมราช และ สงขลา โดยขยายการดำเนินการให้ครอบคลุมถึงเขตอำเภอเมืองทั้งหมด และจะขยายต่อไปทุกอำเภอในอนาคต

นพ.เสรี กล่าวต่อว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2535 ได้กำหนดให้สถานที่ราชการต้องจัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมายสำหรับหน่วยงานที่ละเมิดฝ่าฝืนไม่จัดเขตปลอดบุหรี่จะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท การผลักดันในเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะผลกระทบและโทษ พิษภัยของควันบุหรี่มือสองต่อประชาชนและเยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งมีผลกระทบทำให้เป็นโรคที่เกิดจากบุหรี่ได้เช่นเดียวกับผู้สูบบุหรี่

นายกิตติพงษ์ สุนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจไว้ในปี 2549 พบว่า กลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15-24 ปี บริโภคยาสูบสูงเป็นอันดับ 3ร้อยละ 14.1 รองจากกลุ่มคนทำงาน อายุ 25-59 ปี ร้อยละ 25 และกลุ่มประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูบบุหรี่ร้อยละ 19.2 โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการสูบบุหรี่สูงเป็นอันดับ 3 ร้อยละ 21.4 รองจากภาคใต้สูงเป็นอันดับ 1 สูบบุหรี่สูงถึงร้อยละ 23.5 และ ภาคเหนือ อันดับ 2 ร้อยละ 21.5 และมีนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ที่เป็นเยาวชนไทยปีละประมาณ 200,000 คน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรู้สึกเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากบุหรี่ป็นจุดเริ่มของการติดสิ่งเสพติดอื่นๆ ต่อไปได้

นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยซึ่งเกี่ยวข้องดูแลศูนย์ราชการทั้ง75 จังหวัด จะดำเนินการสั่งการ และสนับสนุนให้ส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเขตปลอดบุหรี่ และเขตสูบบุหรี่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มาติดต่องดสูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ โดยถ้าจะสูบให้สูบได้เฉพาะบริเวณที่จัดไว้เป็นเขตสูบบุหรี่เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ที่ปฏิบัติงานจะต้องเป็นบุคลากรแบบอย่างไม่สูบบุหรี่ในสถานที่ราชการ

นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรคจะดำเนินการบังคับใช้ ตรวจสอบสถานที่ราชการต่างๆ ให้เป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างจริงจัง อาทิเช่น ศาลากลางจังหวัด ศูนย์ราชการประจำจังหวัด ขนส่งจังหวัด และสวนสาธารณะ ฯลฯ จึงขอความร่วมมือจากข้าราชการ และประชาชนหากพบเห็นการละเมิดกฎหมายรวม รวมทั้งการที่หน่วยงานราชการไม่จัดเขตปลอดบุหรี่ และมีผู้สูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะสามารถร้องเรียนได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3342 หรือ http://www.thaiantitobacco.com สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด และ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1-12 โดยผู้ที่แจ้งร้องเรียนอาจได้รับส่วนแบ่งสินบนรางวัลนำจับได้

นพ.สมาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ขอความร่วมมือจากผู้แทนกระทรวงมหาดไทยทุกจังหวัดให้สนับสนุนการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะวันที่ 31พฤษภาคม นี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นวันงดสูบบุหรี่โลกแล้ว ยังเป็นวันที่ครบกำหนดดีเดย์ที่จะมีการจับ และปรับจริงของการห้ามสูบบุหรี่ในสถานบริการ ผับ บาร์ และตลาดสด อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น