กระทรวงสาธารณสุข เร่งปฏิรูปร้านขายยาแผนปัจจุบันกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นร้านยาคุณภาพ ตั้งเป้าให้ประชาชนได้รับยาปลอดภัย ใช้ยาถูกต้อง คัดกรองผู้ป่วยเสี่ยงโรคติดต่อร้ายแรง เช่น ไข้หวัดนกอย่างท่วงที เผยมีร้านขายยาผ่านรับรองเป็นร้านยาคุณภาพแล้ว 211 แห่ง
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2551 ชมรมร้านขายยาแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาความรู้ใหม่ๆ ซึ่งมีสมาชิกชมรมเข้าร่วมประชุมประมาณ 2,500 คน
นายไชยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายปฏิรูปร้านขายยาตามโครงการพัฒนาและรับรองคุณภาพร้านยา หรือโครงการร้านยาคุณภาพมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งร้านขายยาเป็นส่วนที่มีความสำคัญในระบบสาธารณสุข ช่วยแบ่งเบาการให้บริการสาธารณสุขของรัฐในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน เป็นที่พึ่งอันดับต้นๆ ของประชาชนเมื่อเจ็บป่วย ในปี 2551 ได้เน้นให้ร้านขายยาให้บริการที่มีคุณภาพ ประหยัด มีความปลอดภัย และไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย และให้ร้านยามีส่วนร่วมเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุข เป็นจุดคัดกรองผู้ที่เสี่ยงโรคติดต่อร้ายแรง เช่น ไข้เลือดออก โรคมือเท้าปาก ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก เพื่อส่งไปยังสถานพยาบาลของรัฐเพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจาย และช่วยดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคเรื้อรัง รวมทั้งเข้าร่วมเป็นเครือข่ายคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
นายไชยา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีร้านขายยาแผนปัจจุบันจำนวน 8,801 แห่ง ในจำนวนนี้ผ่านการรับรองเป็นร้านขายยาคุณภาพแล้ว 211 แห่ง อยู่ระหว่างกระบวนการรับรองคุณภาพอีก 100 กว่าแห่ง คาดว่าในปีนี้จะมีร้านขายยาคุณภาพไม่ต่ำกว่า 300 แห่ง จึงขอเชิญชวนร้านขายยาที่เหลือเข้าร่วมโครงการร้านยาคุณภาพ ซึ่งเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงภายในร้านให้ลดลงเพื่อให้ประชาชนปลอดภัยมากขึ้น เช่น แยกหมวดหมู่ยาอย่างชัดเจน มีระบบการควบคุมวันหมดอายุ มีเภสัชกรประจำร้านให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับการใช้ยา และการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้อง
ด้านนายแพทย์ชาตรี บานชื่น เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า โครงการร้านยาคุณภาพ เป็นความสมัครใจของผู้ประกอบการร้านยา ไม่บังคับ เป็นโครงการที่กระตุ้นความสนใจในการยกระดับคุณภาพบริการร้านยาอย่างต่อเนื่อง ร้านยาที่ได้รับการรับรองเป็นร้านยาคุณภาพ จะมีป้ายสัญลักษณ์เครื่องหมายรับรองคุณภาพแสดงที่ร้านมีข้อความเขียนว่า “ร้านยาคุณภาพ” และมีเภสัชกรปฏิบัติการตลอดเวลาที่เปิดทำการ
ทั้งนี้ เมื่อจ่ายยาจะระบุชื่อร้าน ชื่อยารักษา มีคำเตือนการใช้ยา ไม่มีการจ่ายยาเป็นชุดๆ ซึ่งมีผลเสียมาก ผู้ใช้ไม่รู้ว่ามียาที่แพ้หรือไม่ เพระไม่มีการระบุชื่อยาบนซอง มักมียาเสื่อมคุณภาพหรือยาไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ได้รับยาไม่ครบขนาดหรือเกินความจำเป็น ยาอาจเสริมฤทธิ์กันสร้างอันตรายมากขึ้น อาจทำให้เชื้อดื้อยา การรักษายุ่งยาก ในปี 2551 มีแนวคิดที่จะใช้“บันได 8 ขั้น” ส่งเสริมพัฒนาให้ร้านยาสามารถพัฒนาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรม เพื่อการปฏิรูปร้านยาในแนวทางเดียวกัน โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมพัฒนาและประเมินอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเตรียมร้านยาคุณภาพให้พร้อมเข้าร่วมในโครงการประกันสุขภาพ
