เหยื่ออาจารย์บังคับอมจู๋! ธรรมศาสตร์ โผล่อีกราย อธิการบดี มธ.เผย ได้รับร้องเรียนเพิ่มหลังตกเป็นข่าว พร้อมบันทึกประจำวันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมทบทวนระบบคัดกรองบุคลากร
นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในการแถลงข่าวเหตุการณ์ที่ นายกำธร เชิดชูเกียรติ อาจารย์ภาควิชาระบบไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ.ศูนย์รังสิต ก่อเหตุอนาจารลูกศิษย์ แลกกับการเพิ่มเกรดด้วยว่า ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่ามีนักศึกษาตกเป็นผู้เสียหายกี่ราย แต่ในวันนี้หลังจากที่เป็นข่าวมีนักศึกษา 1 ราย ยื่นเรื่องเป็นผู้เสียหายเพิ่มเติม พร้อมหลักฐานที่ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.คลองหลวง เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ซึ่งเกิดเหตุกรณีเดียวกันแต่นักศึกษาไม่ยินยอม โดยที่ไม่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ เพราะนักศึกษาอยู่ระหว่างปรึกษาผู้ปกครองว่าจะดำเนินคดีทางอาญาหรือไม่ ตนจึงได้มอบให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มเติมด้วย
และนักศึกษาคนใดที่มีเบาะแส หรือเคยพบเห็นพฤติกรรมของ นายกำธร หรืออาจารย์ในคณะอื่นๆ สามารถแจ้งข้อมูลมาที่คณบดี หรือแจ้ง หรือผมโดยตรง เพื่อจะได้ตรวจสอบและดำเนินการไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยจะปกปิดรายชื่อนักศึกษาทุกคนที่เกี่ยวข้องไม่ให้ได้รับผลกระทบแน่นอน
นายสุรพล กล่าวอีกว่า มธ.ยืนยันว่า ระบบการคัดกรองเป็นไปตามมาตรฐานความรู้ ความสามารถ และจริยธรรมในวิชาชีพ แต่กรณีนี้ถือเป็นพฤติกรรมส่วนตัว แต่ มธ.ก็ถือเป็นบทเรียนที่จะต้องไปหารือกันในสภามหาวิทยาลัย โดยอาจจะต้องมีการเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบสุขภาพจิตของผู้ที่จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานราชการ นอกจากนั้น อาจจะต้องมีการปรับปรุงห้องพักอาจารย์ให้เป็นห้องรวม ไม่ให้มิดชิดเกินไป เพื่อเป็นการป้องกันให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ซึ่งเร็วๆ นี้ ผมจะไปพบกับนักศึกษาที่เสียหาย และผู้ปกครอง เพื่อขอโทษด้วยตัวเอง และเยียวยาความรู้สึกของนักศึกษาคนดังกล่าวด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุททาหรณ์ให้มหาวิทยาลัยต้องทบทวนในหลายเรื่อง และทางมหาวิทยาลัยจะใส่ใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของนักศึกษามากขึ้น และหากมีปัญหาจะให้อาจารย์คนนั้นๆ ชี้แจงทันที
ด้าน รศ.ดร.อุรุยา วีสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มธ. กล่าวถึงข้อถามว่าวิชาที่ นายกำธร สอนยากเกินไปจนทำให้เด็กยอมทำตามคำสั่งเพื่อแลกเกรดหรือไม่ ว่า การที่จะมีเด็กสอบตกในรายวิชาที่ นายกำธร สอนก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเนื้อหาทางวิศวกรรมค่อนข้างยากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางคณะจะตรวจสอบการให้คะแนนนักศึกษาย้อนหลังเป็นเวลา 1 ปี ในรายวิชาที่ นายกำธร สอนทั้งระบบไฟฟ้ากำลัง และเครื่องจักรกลไฟฟ้า เพราะถึงแม้ นายกำธร จะเพิ่งได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ สังกัดคณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ก็ได้เคยเป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนของคณะมากว่า 6 ปี และเราจะไม่ถือว่าเด็กเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่จะปกป้องเด็ก และเยียวยาเพื่อให้คะแนนมีมาตรฐาน โดยจะไม่ให้เด็กได้รับผลกระทบ และชื่อของเด็กจะถูกเก็บความลับ
ส่วนการคัดเลือกอาจารย์ผู้สอนของทางคณะนั้น เราได้ดำเนินการตามขั้นตอนโดยพิจารณาจากความรู้ความสามารถ และพฤติกรรมที่ผ่านมา ซึ่ง นายกำธร จบการศึกษาระดับปริญญาโท ทางวิศวกรรมศาสตร์ เป็นอาจารย์ผู้ช่วยสอนในวิชาปฏิบัติการ ผ่านการประเมินการสอนได้ระดับ A หรือดีมากมาตลอด และจากพฤติกรรมที่เห็น นายกำธร ก็เป็นคนเรียบร้อย ขี้อาย เก็บตัว และมีครอบครัวแล้ว ไม่เคยมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ และตนก็ไม่เคยทราบว่านักศึกษาได้มีการจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์การให้คะแนนของ นายกำธร มาก่อน
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ทราบเรื่องดังกล่าวตั้งแต่เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) และได้สั่งการให้อธิการบดี มธ.ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีมูลก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวน แต่ขอให้มีการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปถึงอธิการบดีของทุกมหาวิทยาลัยให้ช่วยตรวจสอบอาจารย์ผู้สอน อย่าให้มีการประพฤติไปในทำนองชู้สาว หรืออนาจารกับนิสิต นักศึกษา ของตนเอง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง ทั้งนี้นักศึกษาที่ถูกกระทำควรไปแจ้งความดำเนินคดีเพื่อเอาผิดตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายอ้น นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวจากสื่อ ตนรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ตนศึกษาอยู่ อย่างไรก็ตาม แม้จะทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ถูกมองในด้านลบไปบ้าง แต่ตนคิดว่าความเป็นจิตวิญญาณของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คงไม่สูญหายไป ซึ่งที่ผ่านมาตนและเพื่อนนักศึกษาไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยฯ ลักษณะนี้มาก่อน และขอฝากถึงเพื่อนนักศึกษาผู้หญิง ว่า หากประสบเหตุการณ์เช่นนี้กับตนเอง อย่าได้ยอมกระทำตามอย่างเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ซึ่งหากเพื่อนนักศึกษาไม่กล้าบอกเล่าให้ใครฟัง ก็ขอให้บอกผู้ปกครองเพื่อให้เข้ามาช่วยดำเนินการ และการได้เกรดดีด้วยวิธีการเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความภาคภูมิใจ มีแต่ความรู้สึกเสื่อมเสียมากกว่า