ผุดกันเป็นดอกเห็ดหน้าฝนกันเลยทีเดียว สำหรับโรงเรียนนานาชาติในบ้านเรา ที่มีหลากรูปแบบ หลายหลักสูตร เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันไปทั้งของพ่อแม่ผู้ปกครองและของนักเรียนเอง ล่าสุดโรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์ ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยอาศัยจุดขาย “ความเป็นแบบแผนอย่างอังกฤษ” เป็นจุดดึงดูดความสนใจ
อาทิตยา เนียมประดิษฐ์ ทายาทคนสุดท้องตระกูลดัง “ศรีเฟื่องฟุ้ง” ผู้บริหารและเจ้าของโรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์ กรุงเทพฯ เท้าความถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็น “ฮีธฟิลด์” ว่า ก่อนหน้าที่เธอได้แตกไลน์ธุรกิจการศึกษาของครอบครัว โดยจับตามองไปที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ และได้เปิดโรงเรียนนานาชาติลอร์ดแชฟท์สบูรี่ (Lord Shaftesbury International School) เมื่อสี่ปีก่อน

“เราเคยติดต่อไปทางฮีธฟิลด์ที่อังกฤษครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เริ่มทำอะไรมากนัก ทางฮีธฟิลด์จึงยังไม่ได้บินมาดู พอเราทำลอร์ดแชฟท์’ไปได้พักหนึ่งก็ติดต่อไปอีกครั้ง คราวนี้ผู้บริหารฮีธฟิลด์ที่อังกฤษ เขาพอใจกับมาตรฐานของเรามาก ทางเราเองก็พยายามทำตามมาตรฐานของทางฮีธฟิลด์อังกฤษทุกประการ”
ทายาทคนสุดท้องแห่ง “ศรีเฟื่องฟุ้ง” เล่าต่อถึงการปรับมาตรฐานโรงเรียนให้ตรงตามระดับของฮีธฟิลด์ อังกฤษ ว่า มีการทำสนามขี่ม้า และสร้างโรงละครที่จุผู้ชมได้ราว 300 คน เพื่อการเรียนการสอนของโรงเรียนโดยเฉพาะ โดยงบประมาณที่ลงทุนไปเฉพาะที่ดินที่ต้องซื้อเพิ่มสูงถึง 150 ล้านบาท เลยทีเดียว
อาทิตยา กล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อฮีธฟิลด์อังกฤษพอใจกับมาตรฐานแล้ว จึงได้เซ็นสัญญาการซื้อขายแบรนด์ “ฮีธฟิลด์” ให้เธอสามารถดำเนินกิจการโรงเรียนนานาชาติภายใต้ชื่อโรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์ได้ในเมืองไทย และเป็นเจ้าเดียวในเอเชียด้วย ซึ่งนั่นแปลว่า นอกจากไทยจะเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่มีโรงเรียนแฟรนไชส์ของโรงเรียนเก่าแก่กว่า 350 ปี จากอังกฤษแล้ว ผู้เป็นเจ้าของอย่างอาทิตยายังสามารถเปิดสาขาในประเทศแถบเอเชียได้แต่เพียงผู้เดียวด้วย แต่เธอก็ยังยืนยันว่ายังไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้น
“แน่นอนว่า กว่าจะตัดสินใจเลือกฮีธฟิลด์ได้เราต้องคัดสรรอยู่นานทีเดียว แต่ส่วนตัวแล้วชอบระบบอังกฤษ และคิดว่า ระบบอังกฤษเหมาะกับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมากที่สุด เพราะระบบโรงเรียนในอังกฤษยังคงมีระเบียบ วินัย มีระบบอาวุโส มีอะไรที่ไม่ต่างจากสังคมไทยมากนัก”

อาทิตยา กล่าวถึงจุดขายของโรงเรียนที่เพิ่งได้แฟรนไชส์จากโรงเรียนดังในอังกฤษมาหมาดๆ ต่อไปอีกว่า ฮีธฟิลด์เป็นโรงเรียนเก่าแก่และมีชื่อเสียง ที่ไม่ได้เน้นการเรียนเชิงวิชาการ แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เน้นการสอน Human Skill หรือทักษะชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านการกีฬาหรือด้านการดนตรี
“เราปลูกฝังด้านดนตรีตั้งแต่เล็ก ที่นี่เด็ก 4 ขวบเราจะเริ่มสอนให้เล่นไวโอลิน โดยสอนทั้งวิชาการ ด้านการอ่านโน้ต และการปฏิบัติให้เล่นจริง เพราะไวโอลินเป็นเครื่องสายหลักที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานของการเล่นดนตรีชนิดอื่นๆ เมื่อโตขึ้นมาอีกนิดก็จะให้เลือกเล่นตามความสนใจ เช่น พวกเชลโล แต่ถ้าเด็กสนใจพวกเพลงสมัยใหม่ เราก็สนับสนุนเต็มที่”
ในส่วนของกีฬา เราใช้เล่นกีฬาแบบอังกฤษ คือ รักบี้ ลาครอส คริกเก็ต ฟุตบอล เทนนิส และขี่ม้า ที่เราทำสังคมให้เป็นรูปแบบของอังกฤษแท้ๆ ทั้งด้วยหลักสูตร วิธีการสอน บุคลากรผู้สอน ครูของเราเป็นครูอังกฤษแท้ๆ ที่จบทั้งด้านการสอนและจิตวิทยามาโดยตรง เฉพาะค่าครูเราลงทุนให้เดือนละ 2.5 ล้านบาท ในส่วนของทักษะชีวิตเราก็เป็นแบบอังกฤษแท้ คือเหมือนว่าเราได้สังคมแบบอังกฤษ ระบบอังกฤษ การพูดและวิธีแนวคิดแบบอังกฤษ โดยที่เด็กนั่งเรียนอยู่ในเมืองไทย ซึ่งเราเชื่อว่านี่เป็นความคาดหวังของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ได้เห็นลูกหลานอยู่ใกล้ตา เย็นกลับบ้าน ไม่ต้องส่งไปเรียนถึงอังกฤษ ไม่ต้องคิดถึงและเป็นห่วง แต่ก็ได้รูปแบบทุกอย่างแบบอังกฤษ
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 4 ขวบ – 18 ปี ที่สนใจอยากให้ลูกหลานเรียนแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆ สนนราคาค่าเทอมอยู่ที่ประมาณ 200,000-400,000 บาท โรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว
อาทิตยา เนียมประดิษฐ์ ทายาทคนสุดท้องตระกูลดัง “ศรีเฟื่องฟุ้ง” ผู้บริหารและเจ้าของโรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์ กรุงเทพฯ เท้าความถึงเส้นทางกว่าจะมาเป็น “ฮีธฟิลด์” ว่า ก่อนหน้าที่เธอได้แตกไลน์ธุรกิจการศึกษาของครอบครัว โดยจับตามองไปที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ และได้เปิดโรงเรียนนานาชาติลอร์ดแชฟท์สบูรี่ (Lord Shaftesbury International School) เมื่อสี่ปีก่อน
“เราเคยติดต่อไปทางฮีธฟิลด์ที่อังกฤษครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เริ่มทำอะไรมากนัก ทางฮีธฟิลด์จึงยังไม่ได้บินมาดู พอเราทำลอร์ดแชฟท์’ไปได้พักหนึ่งก็ติดต่อไปอีกครั้ง คราวนี้ผู้บริหารฮีธฟิลด์ที่อังกฤษ เขาพอใจกับมาตรฐานของเรามาก ทางเราเองก็พยายามทำตามมาตรฐานของทางฮีธฟิลด์อังกฤษทุกประการ”
ทายาทคนสุดท้องแห่ง “ศรีเฟื่องฟุ้ง” เล่าต่อถึงการปรับมาตรฐานโรงเรียนให้ตรงตามระดับของฮีธฟิลด์ อังกฤษ ว่า มีการทำสนามขี่ม้า และสร้างโรงละครที่จุผู้ชมได้ราว 300 คน เพื่อการเรียนการสอนของโรงเรียนโดยเฉพาะ โดยงบประมาณที่ลงทุนไปเฉพาะที่ดินที่ต้องซื้อเพิ่มสูงถึง 150 ล้านบาท เลยทีเดียว
อาทิตยา กล่าวต่อไปอีกว่า เมื่อฮีธฟิลด์อังกฤษพอใจกับมาตรฐานแล้ว จึงได้เซ็นสัญญาการซื้อขายแบรนด์ “ฮีธฟิลด์” ให้เธอสามารถดำเนินกิจการโรงเรียนนานาชาติภายใต้ชื่อโรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์ได้ในเมืองไทย และเป็นเจ้าเดียวในเอเชียด้วย ซึ่งนั่นแปลว่า นอกจากไทยจะเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่มีโรงเรียนแฟรนไชส์ของโรงเรียนเก่าแก่กว่า 350 ปี จากอังกฤษแล้ว ผู้เป็นเจ้าของอย่างอาทิตยายังสามารถเปิดสาขาในประเทศแถบเอเชียได้แต่เพียงผู้เดียวด้วย แต่เธอก็ยังยืนยันว่ายังไม่เคยคิดไปไกลถึงขนาดนั้น
“แน่นอนว่า กว่าจะตัดสินใจเลือกฮีธฟิลด์ได้เราต้องคัดสรรอยู่นานทีเดียว แต่ส่วนตัวแล้วชอบระบบอังกฤษ และคิดว่า ระบบอังกฤษเหมาะกับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมากที่สุด เพราะระบบโรงเรียนในอังกฤษยังคงมีระเบียบ วินัย มีระบบอาวุโส มีอะไรที่ไม่ต่างจากสังคมไทยมากนัก”
อาทิตยา กล่าวถึงจุดขายของโรงเรียนที่เพิ่งได้แฟรนไชส์จากโรงเรียนดังในอังกฤษมาหมาดๆ ต่อไปอีกว่า ฮีธฟิลด์เป็นโรงเรียนเก่าแก่และมีชื่อเสียง ที่ไม่ได้เน้นการเรียนเชิงวิชาการ แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เน้นการสอน Human Skill หรือทักษะชีวิตด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านการกีฬาหรือด้านการดนตรี
“เราปลูกฝังด้านดนตรีตั้งแต่เล็ก ที่นี่เด็ก 4 ขวบเราจะเริ่มสอนให้เล่นไวโอลิน โดยสอนทั้งวิชาการ ด้านการอ่านโน้ต และการปฏิบัติให้เล่นจริง เพราะไวโอลินเป็นเครื่องสายหลักที่สำคัญที่เป็นพื้นฐานของการเล่นดนตรีชนิดอื่นๆ เมื่อโตขึ้นมาอีกนิดก็จะให้เลือกเล่นตามความสนใจ เช่น พวกเชลโล แต่ถ้าเด็กสนใจพวกเพลงสมัยใหม่ เราก็สนับสนุนเต็มที่”
ในส่วนของกีฬา เราใช้เล่นกีฬาแบบอังกฤษ คือ รักบี้ ลาครอส คริกเก็ต ฟุตบอล เทนนิส และขี่ม้า ที่เราทำสังคมให้เป็นรูปแบบของอังกฤษแท้ๆ ทั้งด้วยหลักสูตร วิธีการสอน บุคลากรผู้สอน ครูของเราเป็นครูอังกฤษแท้ๆ ที่จบทั้งด้านการสอนและจิตวิทยามาโดยตรง เฉพาะค่าครูเราลงทุนให้เดือนละ 2.5 ล้านบาท ในส่วนของทักษะชีวิตเราก็เป็นแบบอังกฤษแท้ คือเหมือนว่าเราได้สังคมแบบอังกฤษ ระบบอังกฤษ การพูดและวิธีแนวคิดแบบอังกฤษ โดยที่เด็กนั่งเรียนอยู่ในเมืองไทย ซึ่งเราเชื่อว่านี่เป็นความคาดหวังของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ได้เห็นลูกหลานอยู่ใกล้ตา เย็นกลับบ้าน ไม่ต้องส่งไปเรียนถึงอังกฤษ ไม่ต้องคิดถึงและเป็นห่วง แต่ก็ได้รูปแบบทุกอย่างแบบอังกฤษ
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 4 ขวบ – 18 ปี ที่สนใจอยากให้ลูกหลานเรียนแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆ สนนราคาค่าเทอมอยู่ที่ประมาณ 200,000-400,000 บาท โรงเรียนนานาชาติฮีธฟิลด์อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว