45 ปี ม.หอการค้าไทย ตั้งเป้าภายใน 8 ปี มุ่งสู่ 1 ใน 500 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ยกเครื่องหลักสูตรด้วยระบบไฮบริด ประเดิมแจกโน๊ตบุก นศ.ใหม่คนละเครื่อง ใช้ระบบไวฟายต์ ทั้งมหาวิทยาลัย พร้อมเดินหน้าแจกทุนพัฒนาอาจารย์หัวกะทิรุ่นใหม่ ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อการเรียนการสอน
รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ อธิการบดีม.หอการค้าไทย กล่าวในงานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัย 45 ปีว่า ในปีการศึกษา 2551 ม.หอการค้าไทย ได้เปิดหลักสูตรใหม่เพิ่มเติม อาทิ ปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาโลกาวิวัตน์ศึกษา (Globalization studies) และปริญญาเอก 2 หลักสูตร สาขาเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ และ โลจิสติก หลักสูตรนานาชาติ โดยทุกหลักสูตรยังเน้นจุดเด่นธุรกิจ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าก้าวสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านธุรกิจของเอเชีย โดยคาดว่าภายใน 8 ปี จะติด 1 ใน 500 ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ดังนั้น เพื่อให้การเรียนการสอนมีความทันสมัยตลอดเวลา จึงมีการจัดระบบศึกษา ปี 2551 ใหม่ทั้งหมด เรียกว่าระบบไฮบริด (hybrid) การผสมผสานการเรียนระหว่าง เรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรืออีเลินนิ่ง และการเรียนในชั้นเรียนแบบ face to face
“การเรียนแบบออนไลน์นั้น จะให้อาจารย์ทำสื่อการเรียนการสอนใหม่เสมอ เพื่อให้ทันสมัยตลอดเวลา การปรับหลักสูตรของเรา อะไรที่ล้าหลังก็จะเอาออกไป อะไรใหม่จะใส่เข้ามาให้นักศึกษาเพิ่มเติม และการเรียนในชั้นเรียน จะเน้นหนักที่วิเคราะห์วิจัย เพราะฉะนั้น เมื่อเปลี่ยนระบบใหม่ เราจะจึงแจกโน้ตบุ๊กให้คนละเครื่อง เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล และการติดตั้งอินเทอร์เน็ตไร้สาย ครอบคุมทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย”
ทั้งนี้ ม.หอการค้าไทย เตรียมพร้อมเพื่อใช้ระบบไฮบริด และระบบอินเตอร์เอคทีฟ มาแล้วกว่า 3 ปี ลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท โดยทดลองใช้กับบุคลากร ภายใน และการทำการวิจัยหลายชิ้น อีกทั้ง ยังมอบทุนการศึกษาต่อระบบปริญญาโท และเอก ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของต่างระเทศ 111 ทุน
“การจะเป็น 1 ใน 500 ของโลก ต้องมีหลักเกณฑ์ขั้นต้นว่า จะต้องมีบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลโนเบล มีงานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถอ้างอิงได้ มีบุคลากรด้านวิชาการที่มีชื่อเสียง และมีผลงานการตีพิมพ์งานวิจัยต่อคนต่อเล่มที่มีจำนวนมากเพียงพอ ซึ่งการส่ง อ.ไปเรียนต่างประเทศ เป็นการปูพื้นฐานเพื่อที่จะนำมหาวิทยาลัยไปสู่ระดับนานาชาติ โดยในปีนี้ เราตั้งเป้าผลงานวิจัยไว้ที่ 128 เรื่อง แต่มีผลงานออกมาแล้ว 135 เรื่อง และมีผลงานตีพิมพ์ในต่างประเทศแล้วหลายสิบเล่ม ขณะนี้ถือว่า ม.เดินมาได้ ร้อยละ 25 ของเป้าหมาย ซึ่งภายใน 5-8 ปี คาดว่าจะสำเร็จ 80-90”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทคโนโลยีการสอนไร้สายแล้ว ม.ยังพัฒนาอุปกรณ์ประกอบการสอน โอพีเนียนไฟเดอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ใช้ประเมินความเข้าใจระหว่างเรียน ขณะนี้มี 50 เครื่องพร้อมใช้งาน และจะผลิตจนครบตามจำนวนนักศึกษา ได้ภายใน 5 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี 51 มหาวิทยาลัยขออนุมัติขึ้นค่าเล่าเรียนร้อยละ 25 กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. หรือ เฉลี่ยนักศึกษาใหม่จะมีค่าใช้ตลอดหลักสูตร 2 แสนบาท โดยจะรับนักศึกษาเท่าเดิมประมาณ 5-6 พันต่อปี
รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ อธิการบดีม.หอการค้าไทย กล่าวในงานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัย 45 ปีว่า ในปีการศึกษา 2551 ม.หอการค้าไทย ได้เปิดหลักสูตรใหม่เพิ่มเติม อาทิ ปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาโลกาวิวัตน์ศึกษา (Globalization studies) และปริญญาเอก 2 หลักสูตร สาขาเศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ และ โลจิสติก หลักสูตรนานาชาติ โดยทุกหลักสูตรยังเน้นจุดเด่นธุรกิจ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าก้าวสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำด้านธุรกิจของเอเชีย โดยคาดว่าภายใน 8 ปี จะติด 1 ใน 500 ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ดังนั้น เพื่อให้การเรียนการสอนมีความทันสมัยตลอดเวลา จึงมีการจัดระบบศึกษา ปี 2551 ใหม่ทั้งหมด เรียกว่าระบบไฮบริด (hybrid) การผสมผสานการเรียนระหว่าง เรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรืออีเลินนิ่ง และการเรียนในชั้นเรียนแบบ face to face
“การเรียนแบบออนไลน์นั้น จะให้อาจารย์ทำสื่อการเรียนการสอนใหม่เสมอ เพื่อให้ทันสมัยตลอดเวลา การปรับหลักสูตรของเรา อะไรที่ล้าหลังก็จะเอาออกไป อะไรใหม่จะใส่เข้ามาให้นักศึกษาเพิ่มเติม และการเรียนในชั้นเรียน จะเน้นหนักที่วิเคราะห์วิจัย เพราะฉะนั้น เมื่อเปลี่ยนระบบใหม่ เราจะจึงแจกโน้ตบุ๊กให้คนละเครื่อง เพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล และการติดตั้งอินเทอร์เน็ตไร้สาย ครอบคุมทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัย เพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย”
ทั้งนี้ ม.หอการค้าไทย เตรียมพร้อมเพื่อใช้ระบบไฮบริด และระบบอินเตอร์เอคทีฟ มาแล้วกว่า 3 ปี ลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท โดยทดลองใช้กับบุคลากร ภายใน และการทำการวิจัยหลายชิ้น อีกทั้ง ยังมอบทุนการศึกษาต่อระบบปริญญาโท และเอก ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของต่างระเทศ 111 ทุน
“การจะเป็น 1 ใน 500 ของโลก ต้องมีหลักเกณฑ์ขั้นต้นว่า จะต้องมีบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลโนเบล มีงานวิจัยที่มีคุณภาพสามารถอ้างอิงได้ มีบุคลากรด้านวิชาการที่มีชื่อเสียง และมีผลงานการตีพิมพ์งานวิจัยต่อคนต่อเล่มที่มีจำนวนมากเพียงพอ ซึ่งการส่ง อ.ไปเรียนต่างประเทศ เป็นการปูพื้นฐานเพื่อที่จะนำมหาวิทยาลัยไปสู่ระดับนานาชาติ โดยในปีนี้ เราตั้งเป้าผลงานวิจัยไว้ที่ 128 เรื่อง แต่มีผลงานออกมาแล้ว 135 เรื่อง และมีผลงานตีพิมพ์ในต่างประเทศแล้วหลายสิบเล่ม ขณะนี้ถือว่า ม.เดินมาได้ ร้อยละ 25 ของเป้าหมาย ซึ่งภายใน 5-8 ปี คาดว่าจะสำเร็จ 80-90”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทคโนโลยีการสอนไร้สายแล้ว ม.ยังพัฒนาอุปกรณ์ประกอบการสอน โอพีเนียนไฟเดอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน ใช้ประเมินความเข้าใจระหว่างเรียน ขณะนี้มี 50 เครื่องพร้อมใช้งาน และจะผลิตจนครบตามจำนวนนักศึกษา ได้ภายใน 5 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี 51 มหาวิทยาลัยขออนุมัติขึ้นค่าเล่าเรียนร้อยละ 25 กับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. หรือ เฉลี่ยนักศึกษาใหม่จะมีค่าใช้ตลอดหลักสูตร 2 แสนบาท โดยจะรับนักศึกษาเท่าเดิมประมาณ 5-6 พันต่อปี
