“หมอชูชัย” ยันสภากาชาดไทย ทำตามหน้าที่ ดูแลความปลอดภัยของผู้รับบริจาคเลือด แต่ข้อมูลต้องเป็นความลับ ชี้สหประชาชาติให้ เอา เลือด อวัยวะ ของผู้บริจาคไปตรวจได้ ไม่ต้องขออนุญาต
นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอดีตเลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีสภากาชาดไทยกำหนดเรื่องผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ลงในแบบฟอร์มการบริจาคเลือด ว่า ยังไม่ได้เห็นแบบฟอร์มดังกล่าว แต่สภากาชาดไทยมีหน้าที่โดยตรง ที่ต้องดูแลความปลอดภัยของสาธารณะ จึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ป่วย ที่ได้รับบริจาคเลือดไปจากสภากาชาดไทย ว่า มีความปลอดภัย ตามที่พิจารณาจากข่าวเห็นว่าแบบฟอร์มสอบถามถึงกลุ่มบุคคลอื่นๆ ที่มีแนวโน้มเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด แต่สิ่งที่สภากาชาดไทยต้องพึงระวังคือ กำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนเรื่องการรักษาข้อมูลความลับของผู้บริจาค ที่สำคัญต้องมิให้มีการกระทำที่เป็นการเลือกปฏิบัติจำเพาะเจาะจงกับผู้หนึ่งผู้ใด หรือทำให้บุคคลได้รับความเสียหายอับอาย
นพ.ชูชัย กล่าวอีกว่า สหประชาชาติก็ได้ออกคู่มือปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน รวมถึงการปฏิบัติต่อผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ ขณะเดียวกัน ก็ให้มีกฎหมายป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่สาธารณะที่ผ่านทางการให้เลือด เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะ ซึ่งถือเป็นการควบคุมโรคตามหลักมาตรฐานสากล ทั้งนี้คู่มือดังกล่าวยังยอมให้นำเลือด อวัยวะ หรือเนื้อเยื่อ ของผู้บริจาคไปตรวจได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม หากเป็นการบริจาคเพื่อผู้อื่น แต่การตรวจนั้นถือเป็นการตรวจอวัยวะของมนุษย์ ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่สำคัญต้องเคารพต่อความเป็นส่วนบุคคลของผู้บริจาค กล่าวคือทุกอย่างจะต้องเก็บเป็นความลับอย่างเข้มงวด
“สำหรับกลุ่มชายรักร่วมเพศ ผมเชื่อว่าผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเลือดของตนแก่ผู้อื่น เป็นผู้ที่มีจิตกุศลต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่ควรมั่นใจว่าเลือดของตนจะไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่น หรือหากไม่สบายใจที่จะต้องกรอกหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในการกรอกแบบฟอร์มการบริจาคเลือด ก็ยังมีหนทางที่จะอุทิศตนช่วยเหลือแก่สาธารณะด้วยวิถีการอื่นๆ อีกมาก”นพ.ชูชัย กล่าว