ปลัด ศธ.เผย “สมชาย” มอบนโยบายตรวจราชการปี 51 ให้ผู้ตรวจฯทุกเขตติดตาม ร.ร.ทั่วประเทศ ว่า ยังเรียกเก็บค่าใช้จ่ายทางการศึกษาเพิ่มเติมจากผู้ปกครองหรือไม่ หลังรัฐบาลเพิ่มเงินอุดหนุนเรียนฟรี พร้อมสอดส่องประสิทธิภาพการจัดสรร และการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเด็กยากจน
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ว่า รมว.ศธ.ได้มอบนโยบายการตรวจราชการปี 2551 ได้กำชับให้ผู้ตรวจทุกเขตเน้นเรื่องการติดตามโรงเรียนทั่วประเทศว่ายังเรียกเก็บค่าใช้จ่ายทางการศึกษาเพิ่มเติมจากนักเรียน และผู้ปกครอง อยู่อีกหรือไม่ ภายหลังที่รัฐบาลเพิ่มเงินอุดหนุนเรียนฟรี 14 ปี ให้โรงเรียนเต็มที่ตามผลการวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว อีกทั้งยังให้สอดส่องประสิทธิภาพการจัดสรรเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาแก่นักเรียนว่าให้เป็นไปอย่างทั่วถึง เข้าถึงกลุ่มเด็กยากจน และผู้กู้ยืมนำเงินไปใช้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่ พร้อมกันนี้ยังให้ติดตามดูปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ของเด็กในโรงเรียน และการพัฒนาครูประจำการให้สอนอย่างมีประสิทธิภาพ
และยังกำชับให้ตรวจราชการมุ่งเน้นให้ลงไปดูว่า ร.ร.ต่างๆ ที่ได้รับจัดสรรคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนรู้จาก สพฐ.ไปทั้งในอดีตและปัจจุบัน สามารถใช้สื่อเหล่านี้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนในชั้นเรียนมากน้อยเพียงใด มีการเปิดเวทีให้เด็กได้มีการแสดงศักยภาพความรู้ด้านคอมพิวเตอร์หรือไม่ สำหรับการอาชีวศึกษาขอให้เน้นตรวจดูเรื่องการปรับแนวทางการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นฝึกทักษะมากกว่าเรียนทฤษฎี การจัดการศึกษานอกโรงเรียนก็อยากให้ขยายฐานครอบคลุมการให้การศึกษาคนทั้ง 65 ล้านคนทั่วประเทศ
ส่วนแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการที่ ศธ.จะทำร่วมกับหน่วยงานราชการอื่นๆ กว่า 20 หน่วยงานทั่วประเทศนั้น จะเน้นเรื่องการส่งเสริมคุณธรรม การพัฒนา ร.ร.ขนาดเล็ก 12,000 ร.ร.ทั่วประเทศ และแผนการตรวจกรณีพิเศษ ที่ประชุมตกลงว่าจะเน้นเรื่องการขจัดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการศึกษาของเด็ก เน้นเรื่องสุขภาพ คุณภาพชีวิต นร.ให้อยู่อย่างมีความสุข ไม่กวดวิชามากเกินไป ได้มีการออกกำลังกายมากขึ้น และจะสนับสนุนเรื่องการให้เด็กได้เรียนได้ใช้ภาษาต่างประเทศที่สองทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ อย่างกว้างขวาง รณรงค์ส่งเสริมประชาธิปไตยในสถานศึกษา
นางจรวยพร กล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีข้อเสนอแนะต่อองค์กรหลัก เช่น สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาควรหาทางนำวิจัย ยุทธศาสตร์ต่างๆที่เขียนไว้มาสู่การปฏิบัติไม่ใช่ทำแล้วปล่อยขึ้นหิ้ง สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาควรปรับแนวทางประเมินชี้วัดคุณภาพมาตรฐานสถานศึกษาโดยนำแนวทางการประเมินของสากลเช่นของโครงการประเมินผลการจัดการศึกษาของประเทศสมาชิกองค์กรความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือรู้จักกันดีในนาม PISA มาเชื่อมโยงจัดรูปแบบการวัดประเมินผลที่เหมาะสมแก่สถานศึกษาของไทย ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานควรแก้ปัญหาขาดแคลนครูโดยเชิญครูเกษียณมาช่วยสอน นอกจากนี้ ในเรื่องการยุบรวม ร.ร.ขนาดเล็กให้ นร.ย้ายมาเรียนรวมกันใน ร.ร.เดียวกัน ก็ควรมีการช่วยเหลือเรื่องค่าพาหนะขนส่ง นร.แก่ ร.ร.ต่างๆ ด้วย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาควรมีการหารือมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ยังไม่ออกนอกระบบราชการว่ามหาวิทยาลัยเหล่านั้นจะมีทิศทางจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้ สำหรับสำนักปลัดศธขอให้มีการช่วยพัฒนา ร.ร.ปอเนาะ จัดระบบ ร.ร.เอกชนสอนศาสนาอิสลาม
