xs
xsm
sm
md
lg

วัยโจ๋รวมพลัง “ลดพื้นที่เสี่ยง” รอบโรงเรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัจจุบันนี้ เห็นได้ว่า อบายมุขต่างๆ ได้ขยายอาณาเขตเข้ามาใกล้พื้นที่ผลิตปัญญาชนมากขึ้นทุกขณะ ทั้งร้านเกม ร้านเหล้า คาราโอเกะ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเยาวชน

หลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาเพื่อแก้ไข รวมไปถึงสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่ร่วมกันจัดทำโครงการ “แผนที่สุขภาพ เพื่อเพิ่มพื้นที่ดี ลดพื้นที่เสี่ยงรอบโรงเรียน” เพื่อมุ่งให้เยาวชนรู้จักแยกแยะพื้นที่ดี พื้นที่เสี่ยงรอบโรงเรียน

การดำเนินโครงการแผนที่สุขภาพฯนั้น ได้โรงเรียนนำร่องจากทั่วประเทศกว่า 150 แห่งที่มีเยาวชนที่เป็นสมาชิกผู้บำเพ็ญประโยชน์เข้าร่วมโครงการ ซึ่งแต่ละแห่งอาจมีพื้นที่เสี่ยงที่คล้ายๆ กัน หรือในบางแห่งก็มองปัญหาจากหลายๆ ด้านเพื่อการปรับปรุงพื้นที่ให้ดีขึ้น

** แหล่งอบายมุข พื้นที่อันตรายใกล้โรงเรียน
3 แกนนำโครงการ จาก ร.ร.ธีรกานต์บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ทั้ง น.ส.ชลธิชา เชียงปวน, น.ส.รัชนี จอมจักร์ และ น.ส.สุดาภรณ์ ชิดจันทร์ ชั้น ม.6 ช่วยกันอธิบายถึงที่มาของการเข้าร่วมโครงการนี้ว่า หลังจากที่กลุ่มแกนนำได้เข้ารับการฝึกอบรมจากทางสมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ ได้ทำการสำรวจบริเวณโดยรอบโรงเรียนเพื่อกำหนดพื้นที่เสี่ยง ซึ่งก็พบแหล่งอบายมุขหลายแห่ง เช่น ร้านเกม ร้านขายเหล้า โต๊ะสนุกเกอร์ และบ่อนไก่ อีกทั้งยังพบเด็กนักเรียนหนีเรียนแล้วเข้าไปมั่วสุมในสถานที่ต่างๆ เหล่านี้ และในช่วงกลางคืนบริเวณดังกล่าวยังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันหลายครั้ง ทางกลุ่มแกนนำจึงได้จัดโครงการเพื่อการรณรงค์ ขอความร่วมมือกับร้านต่างๆ เหล่านั้นให้เข้มงวดกับการเปิดให้เด็กเข้าไปใช้บริการ

“แรกๆ เมื่อเข้าชี้แจงกับร้านต่างๆ เจ้าของร้านก็ต่อต้าน แต่หลังจากที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น นอกจากนั้น ภายในโรงเรียนยังคอยสอดส่องดูแลนักเรียน โดยการจัดสารวัตรนักเรียนคอยขี่จักรยานตรวจ และยังจำลองโรงพักมาไว้ในโรงเรียนเพื่อสร้างความมีระเบียบวินัย และสร้างความตระหนักแก่เพื่อนๆ ที่หลงผิด หลังจากมีการรณรงค์อย่างจริงจังทำให้เราสามารถดึงเพื่อนๆ น้องๆ กลับมาได้หลายคน และยอดนักเรียนที่โดดเรียนก็ลดน้อยลงเช่นกัน” ชลธิชา กล่าวอย่างมั่นใจ

ด้าน พ.ต.ท.มังกร ดอกทุเรียน สารวัตรปกครองป้องกัน สถานีตำรวจภูธรบ้านโฮ่ง กล่าวด้วยว่า การที่นักเรียนจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเหมือนกับเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของเจ้าหน้าที่ไปส่วนหนึ่ง เพราะเพื่อน นักเรียนด้วยกันจะเป็นคนช่วยกันตักเตือนเพื่อนที่คิดจะเดินออกนอกลู่นอกทาง แต่เดิมปัญหาเด็กหนีเรียนแล้วมามั่วสุมตามร้านเกม โต๊ะสนุกเกอร์ จะพบบ่อยมาก และหลายครั้งยังนำไปสู่การทะเลาะวิวาท แต่ในระยะหลังนี้กลับมีน้อยลง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้มีตัวแทนที่ช่วยในการสอดส่องดูแลในด้านของข้อมูลข่าวสารต่างๆ

** แก้กลุ่มเสี่ยง ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง
ทางฝั่ง ร.ร.เชียงดาววิทยาคม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก็ประสบปัญหาคล้ายๆ กัน เมื่อพื้นที่โดยรอบโรงเรียนเป็นพื้นที่เสี่ยง เป็นเหตุให้นักเรียนใช้ช่องทางนี้ในการหนีเรียน มั่วสุมกัน อย่างที่ น.ส.อาทิตยา ปัญญาโรจน์ ชั้น ม.6 ในฐานะรองประธานนักเรียน เล่าให้ฟังว่า พื้นที่เสี่ยงของโรงเรียนนั้นพบว่า บริเวณป่าด้านหลัง และห้องน้ำ เป็นแหล่งมั่วสุมของนักเรียนที่จะใช้เป็นที่หลบหนีเรียน มั่วสุมเสพยา สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า โดยพบทั้งก้นบุหรี่ แผ่นฟอยล์ ขวดเหล้า เมื่อเป็นเช่นนี้ทางกลุ่มแกนนำ จึงร่วมมือกับโรงเรียนเพื่อจัดกิจกรรมพัฒนาจิตใจ โดยการเข้าค่ายคุณธรรม นำนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และนักเรียน ม.1, ม.4 เข้ารับการอบรม ณ สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ซึ่งกิจกรรมนี้จะเป็นการนำคุณธรรม จริยธรรม มาใช้ในการกล่อมเกลาจิตใจให้ผู้ที่หลงผิดกลับตัว และเพื่อการพัฒนาตนเอง

ส่วนอีกกิจกรรมนั้นเป็นการปรับสภาพพื้นที่ที่เป็นจุดอันตราย และเป็นที่มั่วสุม โดยการถางป่าหลังโรงเรียนเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ให้สามารถทำการสอดส่องดูแลได้อย่างสะดวก นอกจากนั้นยังปรับสภาพป่าให้กลายเป็นสวนป่าสมุนไพร ตามโครงการ “สวนป่าน่ารู้ แหล่งเรียนรู้ใกล้ตัว” เพื่อให้เป็นพื้นที่ในการศึกษาทั้งวิชาสุขศึกษา สังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ และให้นักเรียนช่วยกันรับผิดชอบในการดูแลพื้นที่ อีกทั้งยังมีการซ่อมแซมห้องน้ำ ให้เหมาะแก่การใช้งาน และจัดเวรแต่ละห้องเรียนเพื่อดูแล ทำความสะอาดทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนเข้าไปมั่วสุมเสพยา หรือสูบบุหรี่

ในส่วนของ อ.อรพิน อุเทนสุต หัวหน้าระบบดูแลและช่วยเหลือนักเรียน ในฐานะที่ปรึกษาโครงการ กล่าวว่า ที่บริเวณป่าหลังโรงเรียนนั้นจะไม่มีรั้วกั้น แต่ใช้รั้วใจในการควบคุมนักเรียน เพราะอยากจะปลูกฝังให้เด็กมีการตระหนักถึงหน้าที่ และคุณธรรมของการเป็นเยาวชนที่ดี “เด็กที่หลงผิดนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากเพื่อนชักชวน และอยากลอง แต่แท้จริงแล้วเด็กเหล่านี้มีอารมณ์ที่เปราะบางมาก ทำให้เกิดการชักจูงใจได้ง่าย เมื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยลดพื้นที่เสี่ยงที่เขาจะทำเรื่องร้ายๆ ลงทำให้ได้เด็กดีที่กลับตัวกลับใจมาเป็นจำนวนมาก พฤติกรรมของนักเรียนเปลี่ยนไปจากที่เคยมาเรียนสายก็มาตรงเวลา ไม่หนีเรียน หน้าตามีความสดใสขึ้น และเมื่อเราทำให้เด็กมีหัวใจที่เข้มแข็งแล้วไม่ว่าสิ่งใดก็จะเอาชนะได้” อ.อรพิน กล่าวด้วยความหวัง
กำลังโหลดความคิดเห็น