ยอดลงชื่อไล่ “ไชยา” เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เผยผลเดินสายเมืองกาญจน์ได้รับการตอบรับดีเกินคาด มีประชาชนร่วมลงชื่อเพียบ ขณะที่ปัญหาการจัดซื้อเครื่องฉายรังสีมูลค่า 2 พันล้านของ รมว.สธ.หน้าแหก ผลวิจัยชี้ชัดจำนวนเครื่องไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องยุ่งอยู่ที่การขาดแคลนบุคลากร
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า ยอดลงรายชื่อถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ณ ขณะนี้มีประมาณ 2,000 รายชื่อ แต่ในส่วนช่องทางที่เปิดให้ยื่นถอดถอนผ่านทางตู้ ปณ.นั้นยังไม่ได้ตรวจสอบ โดยวานนี้ (9 มี.ค.) ทางกลุ่มเครือข่ายผู้บริโภคได้เดินทางไปจัดกิจกรรมให้ความรู้ในเรื่องของการทำ ซีแอลที่ จ.กาญจนบุรี
ด้านนายอิสราวุธ ทองคำ ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จ.กาญจนบุรี ในฐานะตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภค เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อภาคตะวันตก กลุ่มปฏิรูปสื่อภาคประชาชน จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์การให้ความรู้และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้จากการทำซีแอล ซึ่งประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งจัดตั้งโต๊ะเพื่อลงชื่อยื่นถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สธ. ที่บริเวณศูนย์การค้า จ.กาญจนบุรี โดยจะตั้งโต๊ะเป็นเวลา 3 วัน จากนั้นจะนำรายชื่อที่ได้จากส่วนภูมิภาคไปรวมกับส่วนกลางที่กรุงเทพฯ ต่อไป
ด้าน นพ.วีระวัฒน์ พันธ์ครุฑ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าครอบคลุมสิทธิประโยชน์ถึงการรักษาโรคมะเร็งทุกชนิดด้วย โดยแยกงบประมาณจากงบเหมาจ่ายรายหัว ซึ่ง สปสช.ได้จ่ายชดเชยกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดมาตั้งแต่เริ่มดำเนินการ โดยผู้ป่วยมะเร็งที่รับบริการแบบผู้ป่วยนอก จะได้รับการชดเชยค่ายาเคมีบำบัดไม่เกิน 4,000 บาท/ครั้ง และผู้ป่วยมะเร็งที่รับการรักษาแบบผู้ป่วยในจะได้รับการจ่ายชดเชยทั้งค่ายาเคมีบำบัดและค่าใช้จ่ายอื่นทั้งหมดในการรักษาครั้งนั้น โดยในปีงบประมาณ 2550 มีผู้ป่วยมะเร็งเข้ารับบริการ 2.5 แสนครั้ง ซึ่ง สปสช.จ่ายชดเชยกรณีผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกชนิดที่ได้รับยาเคมีบำบัดกว่า 1.4 พันล้านบาท
ขณะที่ในส่วนของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สปสช.ได้จัดโปรแกรมพิเศษในการดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงและได้รับบริการที่มีคุณภาพ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.49 เป็นต้นมา โดยในปี 2550 มีผู้ป่วยเข้าโครงการ 1,831 ราย และในปี 2551 ตั้งเป้าผู้ป่วยเข้าโครงการ 1,305 ราย โดยในปี 2550 ได้จ่ายชดเชยให้หน่วยบริการเฉพาะโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไปแล้ว 263 ล้านบาท และในปี 2551 ตั้งงบประมาณดำเนินการจำนวน 317ล้านบาท
สำหรับการจัดซื้อเครื่องฉายรังสีมูลค่า 2 พันล้านบาทที่ รมว.สธ.เสนอนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่ามีผลการวิจัยของภูษิต ประคองสาย สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร และ ศุภวาณี สำเภานนท์ สรุปชัดเจนว่าการขาดแคลนบุคลากร เป็นปัญหาหลักของบริการรังสีรักษา ไม่ใช่ปัญหาการขาดแคลนเครื่องมือ การเพิ่มเครื่องโดยไม่ได้วางแผนกำลังคนให้เพียงพอ เครื่องที่ซื้อมาจะไม่ได้แกะกล่องและใช้งานเลย การซื้อเครื่องมือ ควรกระทำกรณี เครื่องชำรุดทรุดโทรม และหมดอายุการใช้งานเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก พร้อมทั้งขอให้มหาวิทยาลัย สธ. กระทรวงกลาโหม กทม.และภาคเอกชน ยุติการขยายจำนวนหน่วยรังสีรักษา เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี (2546-2555) จนกว่าจะมีหลักฐานที่แสดงว่า หน่วยรังสีรักษาที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการให้บริการผู้ป่วย
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า ขณะนี้สหภาพยุโรอาจจะฟ้องไทยจากการประกาศซีแอลนั้น รศ.ดร.วิทยา กุลสมบูรณ์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สหภาพยุโรปต้องแพ้ในคดีนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากการประกาศซีแอลเป็นมาตรการที่ถูกต้องชอบธรรมในปฎิญญาโดฮาว่าด้วยทริปส์ และการสาธารณสุข และพ.ร.บ.สิทธิบัตร (มาตรา 51)
นอกจากนี้ ไทยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าได้พยายามเจรจากับบริษัทเจ้าของสิทธิบัตรมาตลอดเป็นระยะเวลามากกว่า 2 เดือนก่อนหน้าการประกาศใช้สิทธิโดยรัฐ ขณะที่ในกฎหมายของสหภาพยุโรปกำหนดระยะเวลา 30 วันในการเจรจา
ดาวน์โหลดแบบฟอร์มถอดถอนรัฐมนตรี ที่นี่!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-อดีตสสร.ชี้ช่องถอน "ไชยา" ดึงส.ส.-ส.ว.1ใน4ร่วมรายชื่อเสนอปธ.
-ไล่ “ไชยา” 2 วันลงชื่อกว่าพันราย เตรียมเปิดโต๊ะ 5 จังหวัด
-แพทย์ ตจว.ขนดอกไม้เชียร์ขอให้อยู่นานๆ “ไชยา” เลิกย้าย “หมอพงศ์เทพ”
-เคาะข้อมูล 3 ยามะเร็งชง “ไชยา” ชี้ซื้อ บ.ใช้ 4 พันล.ทำ CL เหลือแค่ 900 ล.
-คนแห่โทร.ขอแบบฟอร์มไล่ “ไชยา” เต้นเปิดแถลงข่าวด่วนเช้านี้
-หมอชูชัย ชี้รัฐบาลใช้อำนาจย้าย ขรก.ส่อขัดรัฐธรรมนูญ 5 มาตรา
-ประมวลภาพ “เชลียร์” - “ไล่” ไชยา
-คนแห่ลงชื่อไล่ “ไชยา” เครือข่ายฯ เปิดดาวน์โหลดแบบฟอร์มผ่านเว็บ
-“ไชยา” สั่งย้าย “หมอพงศ์เทพ” นั่งหน้าห้อง โทษฐานออกรายการ “ตอบโจทย์”