สาธารณสุข ชวนคนไทยฝึกสมาธิในวันมาฆบูชานี้ เนื่องจากการฝึกสมาธิทำให้จิตใจสงบ เกิดสติปัญญาช่วยแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน และที่สำคัญสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากความเครียด ที่ทำให้เป็นโรคอื่นตามมา เช่น ไมเกรน ความดันโลหิตสูง
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้วิถีการดำเนินชีวิตคนไทยกำลังเข้าไปสู่กระแสวัตถุนิยมอย่างมาก ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ อีกทั้งต้องประสบกับความกดดันต่างๆ ทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และครอบครัว อยู่ในภาวะแห่งความตึงเครียดและวิตกกังวล หากประชาชนคนใดปรับตัวไม่ได้ อาจเกิดปัญหาลูกโซ่ต่างๆ ตามมามากมาย จนอาจป่วยเป็นโรคจิตกลายเป็นคนที่มีความเครียดสูง และเป็นโรคเรื้อรังทางกายตามมาอีก โรคที่มาคู่กับความเครียดที่สุด คือ ไมเกรน โรคความดันโลหิตสูง เมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือดเลี้ยงสมอง หัวใจและไต อันจะทำให้หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบตัน นอกจากนั้นยังทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นจนหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวอีกว่า เนื่องในวันมาฆบูชานี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง คนไทยทุกคนนอกจากจะทำบุญตักบาตร ได้รับบุญอิ่มอกอิ่มใจแล้ว วันหยุดอีกหนึ่งวันนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการที่คนไทยจะมีสุขภาพที่ดีได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันคือ การนั่งสมาธิ เพราะการนั่งสมาธิเป็นการดูแลสุขภาพอีกวิธีหนึ่ง ทำให้เกิดความสงบทางจิตใจ เป็นการได้พักผ่อนทางจิตใจจากสิ่งตึงเครียดและปัญหาทั้งหลาย เกิดสติปัญญาในการแก้ไขปัญหา การทำสมาธิที่ดีจะช่วยให้คลื่นสมองไม่ยุ่งเหยิง สมองสามารถหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
จากผลวิจัยทางการแพทย์ พบว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีการฝึกการหายใจช้าและลึกวันละประมาณ 15 นาที ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 เดือน ค่าความดันโลหิตลดลงมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้เข้ารับการฝึกทำสมาธิ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนให้คนไทยทุกคน หันมานั่งสมาธิโดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำเฉพาะในวันมาฆบูชาเพียงวันเดียว การที่ทำแล้วเกิดผลดีต่อร่างกายของตนเอง ก็ควรทำเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากวันละ 5 นาที วันต่อไป 10 นาที และ 15 นาทีไปเรื่อยๆ
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้วิถีการดำเนินชีวิตคนไทยกำลังเข้าไปสู่กระแสวัตถุนิยมอย่างมาก ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ อีกทั้งต้องประสบกับความกดดันต่างๆ ทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และครอบครัว อยู่ในภาวะแห่งความตึงเครียดและวิตกกังวล หากประชาชนคนใดปรับตัวไม่ได้ อาจเกิดปัญหาลูกโซ่ต่างๆ ตามมามากมาย จนอาจป่วยเป็นโรคจิตกลายเป็นคนที่มีความเครียดสูง และเป็นโรคเรื้อรังทางกายตามมาอีก โรคที่มาคู่กับความเครียดที่สุด คือ ไมเกรน โรคความดันโลหิตสูง เมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือดเลี้ยงสมอง หัวใจและไต อันจะทำให้หลอดเลือดสมองแตกหรือตีบตัน นอกจากนั้นยังทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นจนหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
นายแพทย์สุพรรณ กล่าวอีกว่า เนื่องในวันมาฆบูชานี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง คนไทยทุกคนนอกจากจะทำบุญตักบาตร ได้รับบุญอิ่มอกอิ่มใจแล้ว วันหยุดอีกหนึ่งวันนี้ ยังเป็นจุดเริ่มต้นในการที่คนไทยจะมีสุขภาพที่ดีได้ด้วยวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันคือ การนั่งสมาธิ เพราะการนั่งสมาธิเป็นการดูแลสุขภาพอีกวิธีหนึ่ง ทำให้เกิดความสงบทางจิตใจ เป็นการได้พักผ่อนทางจิตใจจากสิ่งตึงเครียดและปัญหาทั้งหลาย เกิดสติปัญญาในการแก้ไขปัญหา การทำสมาธิที่ดีจะช่วยให้คลื่นสมองไม่ยุ่งเหยิง สมองสามารถหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
จากผลวิจัยทางการแพทย์ พบว่า ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีการฝึกการหายใจช้าและลึกวันละประมาณ 15 นาที ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 เดือน ค่าความดันโลหิตลดลงมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้เข้ารับการฝึกทำสมาธิ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนให้คนไทยทุกคน หันมานั่งสมาธิโดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำเฉพาะในวันมาฆบูชาเพียงวันเดียว การที่ทำแล้วเกิดผลดีต่อร่างกายของตนเอง ก็ควรทำเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากวันละ 5 นาที วันต่อไป 10 นาที และ 15 นาทีไปเรื่อยๆ