กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กระตุ้นผู้ประกอบการจังหวัดภูเก็ตตระหนักถึงการเฝ้าระวังเชื้อลีจิโอเนลลา (Legionella spp.) อย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการ สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว
เช้าวันนี้ (15 ก.พ.) ที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน จ.ภูเก็ต นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเปิดการอบรมสัมมนาโครงการรับรองความปลอดภัยจากเชื้อลิจีโอเนลลา (Legionella spp. ) ในสถานประกอบการจังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้เข้าร่วมการอบรมจากสถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด 50 แห่ง และนักวิชาการที่เกี่ยวข้องจำนวน 100 คน เพื่อเป็นการเฝ้าระวังควบคุม และป้องกันสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการให้ปลอดภัยจากเชื้อลีจิโอเนลลา และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการได้เห็นความสำคัญและมีความตระหนักในการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีโรคลีเจียนแนร์ในนักท่องเที่ยวหลังจากกลับจากการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสนับสนุนการท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในความปลอดภัยจากโรคลีเจียนแนร์เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ โรคลีเจียนเนลโลสิส (Legionellosis) เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียลีจิโอเนลลา นิวโมฟิวลา Legionella pneumophila เรียกว่าโรคลีเจียนแนร์(Legionnaires’ Disease) พบได้ในแหล่งน้ำทั่วไป แต่เพิ่มจำนวนและเจริญเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำนิ่งที่มีอุณหภูมิ 20-50 องศาเซลเซียส เชื้อสามารถแพร่กระจายเป็นละอองน้ำฝอยโดยลม ผู้ป่วยจึงได้รับเชื้อจากการสูดหายใจเอาเชื้อเอาละอองน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป
สำหรับละอองน้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากหอผึ่งเย็น ระบบระบายน้ำความร้อนแบบแอร์รวม (Cooling tower) เครื่องทำน้ำร้อน ถังเก็บน้ำร้อน ระบบน้ำร้อน ถังเก็บน้ำ ระบบการกระจายน้ำ เช่น น้ำพุ น้ำพุประดับ ฝักบัวอาบน้ำ และสปริงเกอร์ เป็นต้น
เชื้อดังกล่าวพบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่ส่วนใหญ่พบในวัยกลางคนตลอดจนผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มสุรา ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคไตวาย เบาหวาน โรคเอดส์ รวมถึงผู้ที่ต้องรับยากดภูมิคุ้มกัน จัดเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ อาการของโรคแสดงได้ 2 ลักษณะ คือ 1.ไข้ปอนติแอก (Pontiac fever) มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ระยะฟักตัวสั้น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อาการไม่รุนแรง หายได้เองภายใน 2-5 วัน 2.โรคลิเจียนแนร์ (Legionnaires’ Disease) มีภาวะปอดอักเสบ และถุงลมถูกทำลาย ระยะฟักตัว 2-10 วัน มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น ปวดศรีษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย มีอาการติดเชื้อในปอดอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ โดยใช้มาตรการบำรุงรักษาความสะอาดของแหล่งที่น่าจะเป็นรังโรค รวมทั้งการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ รักษาอุณหภูมิของน้ำ และใส่สารชีวฆาต (biocides) เพื่อยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อ ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำให้รักษาความสะอาดระบบน้ำร้อน น้ำเย็น และรักษาระดับอุณหภูมิน้ำร้อนที่ 60 องศาเซลเซียสและน้ำเย็นต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส
ในการนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการโรงแรม โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า และหน่วยงานที่มีอาคารสูงขนาดใหญ่ ตระหนักถึงการเฝ้าระวังเชื้อลีจิโอเนลลา โดยการดูแลบำรุงรักษา และทำความสะอาดแหล่งที่มีโอกาสพบเชื้อในอาคารตามระยะที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ และเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและ ผ่านการประเมินตามข้อกำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรรับรองความปลอดภัยจากเชื้อลีจิโอเนลลา พร้อมเครื่องหมายรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานสถานประกอบการในจังหวัดภูเก็ตซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของประเทศ