“หมออนามัย” ตบเท้าเข้าพบ “ไชยา” ยื่นหนังสือให้จัดกำลังคนลงระบบแท่งใหม่ หลังยกเลิกระบบซี ชี้ไม่ชัดเจนและไม่เหมาะสม “ไชยา” รับปากจะพยายามผลักดัน จัดให้เข้าที่เข้าทาง วอนเห็นใจ ติดระเบียบ ก.พ.พร้อมขอให้ชะลอการโอนย้ายสถานีอนามัยล็อต 2 ดัน พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข พ.ศ. ... ที่ค้างจากรัฐบาลเก่า
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (14 ก.พ.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายประจักษ์ ทองงาม ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย และในฐานะตัวแทนสมาคมหมออนามัย และชมรมหัวหน้าสถานีอนามัยแห่งประเทศไทยกว่า 1,000 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์ โดยเสนอให้มีการปรับปรุงตำแหน่งและความก้าวหน้าในวิชาชีพสาธารณสุข เนื่องจากเมื่อมีการยกเลิกระบบซี เปลี่ยนเป็นระบบแท่งใหม่ ตามระเบียบ พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ซึ่งประกาศใช้วันที่ 25 มกราคม 2551 มีผลให้มีการเตรียมบุคลากรจัดคนลงตามระบบการจำแนกตำแหน่งใหม่ในส่วนของข้าราชการสาธารณสุขในระดับจังหวัด อำเภอ และระดับตำบล ยังไม่มีความชัดเจน เหมาะสม
นายประจักษ์ กล่าวว่า ชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ได้เสนอแนวทางในการจัดคนลงตามระบบการจำแนกตำแหน่งใหม่ ในตำแหน่งสาธารณสุขอำเภอ หัวหน้าสถานีอนามัย ปรับสู่โครงสร้างชั้นงานและประเภทตำแหน่งอำนวยการ ส่วนตำแหน่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสถานีอนามัย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโรงพยาบาล และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่มีวุฒิปริญญาตรีในสายงานสาธารณสุข หรือสายงานที่เกื้อกูลกันได้ รวมถึงผู้ที่กำลังพัฒนาให้ได้วุฒิปริญญาตรีในสายงานสาธารณสุข ปรับสู่โครงสร้างชั้นงานและประเภทตำแหน่งเป็นประเภทวิชาการทุกคน
นายประจักษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนด้านความก้าวหน้าของข้าราชการสาธารณสุขในระดับตำบลและระดับอำเภอ ขอให้เร่งการบรรจุ แต่งตั้งตำแหน่งให้ทันก่องการปรับปรุงตำแหน่งตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำพรบ.วิชาชีพสาธารณสุข พ.ศ. ...ซึ่งในรัฐบาลที่ผ่านมายังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทั้งนี้ เพื่อให้ให้ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ มีกฎหมายคุ้มครองในการปฏิบัติงานสาธารณสุข และขอให้ชะลอการถ่ายโอนสถานีอนามัยในระยะที่ 2 ไว้ก่อน โดยขอให้นำผลการประเมินและศึกษาวิจัยถ่ายโอนสถานีอนามัยในระยะที่ 1 จำนวน35 แห่ง แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดและผลกระทบหลายด้านทำให้สาธารณโอนถ่ายจริงเพียง 22 แห่ง โดยนำมาทบทวนก่อนว่ามีผลกระทบต่อประชาชนต่อระบบการจัดการสาธารณสุขและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างไร
ด้าน นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า มีความรู้สึกดีใจที่ทุกคนที่มาในวันนี้มีความกระตือรือร้น ตั้งใจจริง ถือเป็นผู้ปฏิบัติงานจริงที่ทราบสภาพความเป็นจริงและควรดำเนินการอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ได้ปรึกษาปลัด และรองปลัดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนจะพยายามผลักดันตามที่มีข้อเสนอมา และปรับให้เข้าที่เข้าทางแต่ด้วยความเป็นจริงคงยังติดระเบียบราชการ ก.พ.ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจ
“การทำงานในพื้นที่ที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน ทุกอย่างใช้คอมพิวเตอร์ทำงานแทนได้และจะใช้ทำงานแทนบุคลากรสาธารณสุขทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อ ก.พ.ตัดกำลังคนออกไป จึงเป็นเรื่องที่สร้างความอึดอัด และหากอำนาจในการตัดสินใจเป็นของเราอย่างเดียว ปัญหาอาจจะจบลงได้”
นายไชยา กล่าวด้วยว่า บุคลากรทุกท่านมีความจำเป็น เมื่อได้สัมผัสก็พบว่าแต่ละท่านเอาชีวิตเข้าเสี่ยงทำงานเพื่อสังคม ตนตระหนักดีขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่าพร้อมขับเคลื่อนเป็นแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะการถ่ายโอนสถานีอนามัย 22 แห่ง ไปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานมากขึ้น ดังนั้นหากมีความอึดอัดก็จะเปิดโอกาสให้กลับมา โดยตนจะให้มีการลงนามข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดงบประมาณในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว โดยไม่ก้าวก่ายด้านการบริหารงาน ดังนั้น หากต้องการทำโครงการใดๆ ก็ให้ของบประมาณขึ้นไปได้เลย
