“สมชาย” ตั้งคณะกรรมการสรุปข้อดี-ข้อเสีย กยศ.และ กรอ.เพื่อปรับข้อดีของทั้ง 2 กองทุนเข้าด้วยกัน คาดอีก 1-2 สัปดาห์ จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง ย้ำจะพยายามให้ทันปีการศึกษานี้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และผู้บริหารกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือร่วมกันถึงการดำเนินการที่จะให้ทุนการศึกษากู้ยืมกับนักเรียนที่พ้นจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งหากไม่เตรียมการรองรับก็อาจทำให้เด็กที่มีความสามารถเรียนได้แต่ไม่มีทุนทรัพย์ขาดโอกาสทางการศึกษา ขณะเดียวกัน ประเทศก็ขาดโอกาสที่จะได้ทรัพยากรบุคคลที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ ดังนั้น การฟื้นกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เนื่องจากเห็นว่าได้เคยทำมาก่อน และมีประโยชน์มาก อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่ผ่านมามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตนจึงต้องมาปรับใหม่ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับนักเรียน รวมถึงผู้ปกครองที่จะต้องมารับภาระดังกล่าวด้วย จึงต้องดูแลให้รอบคอบ และไม่ล่าช้าเกินไป
“ผมได้ตั้งคณะกรรมการชุดเล็กขึ้นมา โดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของทั้ง กยศ.และ กรอ. และปรับข้อดีเข้าด้วยกัน โดยต้องไม่ขัดกับกฎหมายและวินัยทางการเงิน เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จากนั้นจึงค่อยมาดูเรื่องการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง” นายสมชายกล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้มีทั้ง กยศ.ที่มีลูกค้าเก่าอยู่แล้ว ส่วน กรอ.ที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ จำเป็นต้องเซตระบบใหม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำเอาทั้ง 2 กองทุนมารวมกันแล้วตั้งเป็นกองทุนใหม่ขึ้นมาดำเนินการ อย่างไรก็ตามคงต้งรอให้คณะกรรมการชุดเล็กเป็นผู้พิจารณา เพราะตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญคงไม่สามารถตัดสินได้ แต่ก็จะพยายามเร่งให้ทันปีการศึกษานี้ แต่ก็ต้องดูเรื่องเงินก่อน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลัง และผู้บริหารกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือร่วมกันถึงการดำเนินการที่จะให้ทุนการศึกษากู้ยืมกับนักเรียนที่พ้นจากการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งหากไม่เตรียมการรองรับก็อาจทำให้เด็กที่มีความสามารถเรียนได้แต่ไม่มีทุนทรัพย์ขาดโอกาสทางการศึกษา ขณะเดียวกัน ประเทศก็ขาดโอกาสที่จะได้ทรัพยากรบุคคลที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ ดังนั้น การฟื้นกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เนื่องจากเห็นว่าได้เคยทำมาก่อน และมีประโยชน์มาก อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่ผ่านมามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตนจึงต้องมาปรับใหม่ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับนักเรียน รวมถึงผู้ปกครองที่จะต้องมารับภาระดังกล่าวด้วย จึงต้องดูแลให้รอบคอบ และไม่ล่าช้าเกินไป
“ผมได้ตั้งคณะกรรมการชุดเล็กขึ้นมา โดยมีรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของทั้ง กยศ.และ กรอ. และปรับข้อดีเข้าด้วยกัน โดยต้องไม่ขัดกับกฎหมายและวินัยทางการเงิน เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จากนั้นจึงค่อยมาดูเรื่องการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง” นายสมชายกล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปอีกว่า ขณะนี้มีทั้ง กยศ.ที่มีลูกค้าเก่าอยู่แล้ว ส่วน กรอ.ที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ จำเป็นต้องเซตระบบใหม่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำเอาทั้ง 2 กองทุนมารวมกันแล้วตั้งเป็นกองทุนใหม่ขึ้นมาดำเนินการ อย่างไรก็ตามคงต้งรอให้คณะกรรมการชุดเล็กเป็นผู้พิจารณา เพราะตนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญคงไม่สามารถตัดสินได้ แต่ก็จะพยายามเร่งให้ทันปีการศึกษานี้ แต่ก็ต้องดูเรื่องเงินก่อน