สธ.ขานรับรัฐมนตรีใหม่ ปลัด สธ.ออกปาก “ชอบมาก” เชื่อราชการชอบด้วย ด้าน “หมอสมศักดิ์” เตือนรัฐมนตรีใหม่ไม่เคยจับงานสาธารณสุข ระวังเป็นหุ่นเชิด ห่วงตัดสินใจช้า แต่หากได้ที่ปรึกษาดีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แนะต้องเป็นผู้รับฟังเสียงส่วนใหญ่ แพทยสภาพร้อมให้คำแนะนำ มั่นใจทำงานร่วมกันได้ไม่มีปัญหา ด้าน อ.อัมมาร เสนอให้แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์เป็นโจทย์แรก
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ตนไม่ทราบประวัติรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ ไม่รู้จักมาก่อน จึงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่หากไม่เคยจับงานด้านกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน อาจทำให้งานล่าช้าในการตัดสินใจ เพราะต้องเรียนรู้งานก่อน และอาจกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดข้าราชการได้ อย่างไรก็ดี หากมีที่ปรึกษารัฐมนตรีที่ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสามารถที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องกับปัญหาต่างๆ และให้ข้อมูลประกอบในการตัดสินใจ ส่วนรัฐมนตรีก็มอบนโยบาย วางหลักเกณฑ์ และตัดสินใจ ดังนั้น ที่สำคัญคือ ควรจะต้องเป็นผู้ที่รับฟังเสียงส่วนใหญ่
“อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรกว่ารัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ ไม่จำเป็นต้องคอยตอบข้อซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรค เพราะคงไม่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน การเป็นคนนอกก็มีข้อดี ไม่ต้องมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีความเป็นกลาง หากเป็นคนดีตั้งใจทำงานเพื่อประเทศ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ในส่วนการทำงานร่วมกันกับแพทยสภาก็ไม่มีอะไรขัดข้อง แต่ขอเสนอให้รัฐมนตรีใหม่วางระบบการทำงานในเชิงป้องกันสุขภาพในระยะยาวของประชาชนมากกว่างานแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่าหาเสียงโดยใช้เงินแจก เพราะจะไม่ได้อะไรเลย” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมทันที หลังเข้ารับตำแหน่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี มีความฟิตอย่างมาก ตนชอบมาก และเชื่อว่า ข้าราชการทุกคนก็ชื่นชอบเช่นเดียวกัน
ด้าน ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ตนไม่รู้จัก รัฐมนตรีคนใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน จึงไม่วิพากษ์วิจารณ์คนที่ไม่รู้จักเพราะถือว่าไม่แฟร์ แต่โจทย์แรกที่รัฐมนตรีใหม่จะเข้ามาดูแลเป็นเรื่องโรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ที่ขณะนี้ประสบปัญหาอย่างมาก ไม่เพียง สธ.เท่านั้น กระทรวงศึกษาธิการก็ควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการสร้างบุคลากรเพิ่มด้วย และหาก รมว.สธ.และ รมว.ศธ.มาจากพรรคเดียวกันก็จะทำให้การทำงานราบรื่นง่ายขึ้น
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ตนไม่ทราบประวัติรัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ ไม่รู้จักมาก่อน จึงไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่หากไม่เคยจับงานด้านกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน อาจทำให้งานล่าช้าในการตัดสินใจ เพราะต้องเรียนรู้งานก่อน และอาจกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดข้าราชการได้ อย่างไรก็ดี หากมีที่ปรึกษารัฐมนตรีที่ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสามารถที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องกับปัญหาต่างๆ และให้ข้อมูลประกอบในการตัดสินใจ ส่วนรัฐมนตรีก็มอบนโยบาย วางหลักเกณฑ์ และตัดสินใจ ดังนั้น ที่สำคัญคือ ควรจะต้องเป็นผู้ที่รับฟังเสียงส่วนใหญ่
“อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรกว่ารัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นหมอ ไม่จำเป็นต้องคอยตอบข้อซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรค เพราะคงไม่น่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน การเป็นคนนอกก็มีข้อดี ไม่ต้องมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก มีความเป็นกลาง หากเป็นคนดีตั้งใจทำงานเพื่อประเทศ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ในส่วนการทำงานร่วมกันกับแพทยสภาก็ไม่มีอะไรขัดข้อง แต่ขอเสนอให้รัฐมนตรีใหม่วางระบบการทำงานในเชิงป้องกันสุขภาพในระยะยาวของประชาชนมากกว่างานแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อย่าหาเสียงโดยใช้เงินแจก เพราะจะไม่ได้อะไรเลย” นพ.สมศักดิ์ กล่าว
ขณะที่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีจะลงพื้นที่จังหวัดนครปฐมทันที หลังเข้ารับตำแหน่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี มีความฟิตอย่างมาก ตนชอบมาก และเชื่อว่า ข้าราชการทุกคนก็ชื่นชอบเช่นเดียวกัน
ด้าน ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า ตนไม่รู้จัก รัฐมนตรีคนใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน จึงไม่วิพากษ์วิจารณ์คนที่ไม่รู้จักเพราะถือว่าไม่แฟร์ แต่โจทย์แรกที่รัฐมนตรีใหม่จะเข้ามาดูแลเป็นเรื่องโรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ที่ขณะนี้ประสบปัญหาอย่างมาก ไม่เพียง สธ.เท่านั้น กระทรวงศึกษาธิการก็ควรจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการสร้างบุคลากรเพิ่มด้วย และหาก รมว.สธ.และ รมว.ศธ.มาจากพรรคเดียวกันก็จะทำให้การทำงานราบรื่นง่ายขึ้น
