โพลระบุ กะเทยเด็กฮิตตัดไข่น่าห่วง สะท้อนสังคมไทยปล่อยปละละเลยปัญหาสังคม วิปริตต้องเร่งแก้ไข จี้ สธ.-แพทยสภา สร้างความเข้าใจต่อประชาชน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “กะเทยจับฉ่ายในสายตาประชาชน” จากกรณีแพทย์ตัดลูกอัณฑะให้วัยรุ่นชาย โดยการสำรวจจากประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดอีก 16 จังหวัด จำนวน 3,279 คน ระหว่างวันที่ 27-30 มีนาคม 2551 นั้น
ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 38.21 เห็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเร่งช่วยกันแก้ไข ร้อยละ 32.41 ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ร้อยละ 15.76 ไม่น่าจะมีข่าวนี้ในสังคมไทย ร้อยละ 6.43 เห็นว่าเป็นปัญหาที่น่ากลัวและน่าห่วง
ทั้งนี้ ร้อยละ 33.85 ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพสังคมไทยที่มีการปล่อยปละละเลยปัญหาสังคม ร้อยละ 25.70 เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ขาดการทำหน้าที่อย่างจริงจังและทั่วถึง ร้อยละ 9.63 ระบุถือว่าสังคมวิปริต ต้องเร่งแก้ไข
สำหรับหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า อันดับแรกคือ กระทรวงสาธารณสุข รองลงมาคือ แพทยสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลด้านสังคม พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ส่วนแนวทางการป้องกันและแก้ไข กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 36.93 ต้องการให้หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภาออกมาชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนโดยด่วน
นอกจากนั้น ควรให้ความรู้และข้อมูลทุกด้านทั้งด้านบวก และด้านลบอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจตรงกัน สื่อมวลชนจะต้องคอยตรวจสอบและตีแผ่ข้อมูลในทุกๆ ด้าน ส่วนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู จะต้องคอยดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน ลูกศิษย์ และแนวทางอื่นๆ เช่น ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำกรณีนี้ โดยเฉพาะแพทย์ที่ผ่าตัดอย่างเคร่งครัด และตรงไปตรงมา
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “กะเทยจับฉ่ายในสายตาประชาชน” จากกรณีแพทย์ตัดลูกอัณฑะให้วัยรุ่นชาย โดยการสำรวจจากประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดอีก 16 จังหวัด จำนวน 3,279 คน ระหว่างวันที่ 27-30 มีนาคม 2551 นั้น
ผลการสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 38.21 เห็นว่าข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเร่งช่วยกันแก้ไข ร้อยละ 32.41 ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชน ร้อยละ 15.76 ไม่น่าจะมีข่าวนี้ในสังคมไทย ร้อยละ 6.43 เห็นว่าเป็นปัญหาที่น่ากลัวและน่าห่วง
ทั้งนี้ ร้อยละ 33.85 ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนภาพสังคมไทยที่มีการปล่อยปละละเลยปัญหาสังคม ร้อยละ 25.70 เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ขาดการทำหน้าที่อย่างจริงจังและทั่วถึง ร้อยละ 9.63 ระบุถือว่าสังคมวิปริต ต้องเร่งแก้ไข
สำหรับหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า อันดับแรกคือ กระทรวงสาธารณสุข รองลงมาคือ แพทยสภา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลด้านสังคม พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ส่วนแนวทางการป้องกันและแก้ไข กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 36.93 ต้องการให้หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและแพทยสภาออกมาชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนโดยด่วน
นอกจากนั้น ควรให้ความรู้และข้อมูลทุกด้านทั้งด้านบวก และด้านลบอย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจตรงกัน สื่อมวลชนจะต้องคอยตรวจสอบและตีแผ่ข้อมูลในทุกๆ ด้าน ส่วนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู จะต้องคอยดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน ลูกศิษย์ และแนวทางอื่นๆ เช่น ดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ที่กระทำกรณีนี้ โดยเฉพาะแพทย์ที่ผ่าตัดอย่างเคร่งครัด และตรงไปตรงมา