แพทยสภาตื่น! เตรียมฟันหมอตัดไข่กะเทยเด็ก โทษถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาต

แพทยสภาตื่น! เตรียมฟันหมอตัดไข่เด็ก โทษถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาต เผยคณะอนุกรรมการแปลงเพศเตรียมออกข้อบังคับมาตรฐานการแปลงเพศ ประชุมนัดแรกเมษายนนี้ ระบุไม่ห้ามแต่ต้องทำถูกต้อง

วันนี้ (27 มี.ค.) นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีมีวัยรุ่นชายฮิตผ่าตัดลูกอัณฑะเนื่องจากอยากสวย อยากเหมือนผู้หญิงนั้นว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจะทำการตรวจสอบสถานพยาบาลดังกล่าวทันที ซึ่งในกรณีการทำการผ่าตัดลูกอัณฑะในเด็กที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองถือว่าเข้าข่ายความผิดอย่างแน่นอน แต่หากได้รับความยินยอมจะต้องตรวจสอบถึงมาตรฐานวิชาชีพในการรักษาต่อไปว่า ถูกต้องตามมาตรฐานทางการแพทย์หรือไม่ ซึ่งการรักษาพยาบาลแพทย์ต้องยึดประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นหลักไม่ใช่ยึดประโยชน์ของแพทย์

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีมาตรฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนในเรื่องการแปลงเพศ ซึ่งแพทยสภาได้ตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์การแปลงเพศแล้ว โดยจะเริ่มประชุมนัดแรกในเดือนเมษายนนี้

“ในต่างประเทศ การแปลงเพศจะต้องมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ เช่น อายุ การทดสอบสภาพจิตใจโดยจิตแพทย์ การทดสอบการใช้ชีวิตในเพศที่ต้องการเป็นระยะเวลา 2 ปี จึงจะประเมินได้ว่าบุคคลดังกล่าวมีความต้องการจริงหรือไม่ เพราะการแปลงเพศหรือการตัดอวัยวะเพศทิ้งเป็นสิ่งที่เมื่อตัดสินใจแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ โดยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการดังกล่าว จะมีการออกข้อบังคับที่ชัดเจน เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แพทยสภาไม่ห้ามหากจะมีการแปลงเพศ แต่ต้องทำอย่างได้มาตรฐานที่ถูกต้อง” นพ.อำนาจกล่าว

ทั้งนี้ นพ.อำนาจ กล่าวด้วยว่า สำหรับความเห็นส่วนตัวนั้นหากแพทย์คนใดทำการผ่าตัดให้กับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หากมีการร้องเรียนมาที่แพทยสภาและตรวจสอบว่าเป็นความจริงน่าจะมีโทษถึงขั้นพักใช้ใบอนุญาต

นพ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งกำกับดูแลมาตรฐานสถานพยาบาลทั้งคลินิกและโรงพยาบาลให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่เคยจับคลินิกที่ทำการตัดอัณฑะ โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม คลินิกที่ให้บริการจะมีความผิดถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตาม เด็กที่ไปตัดอัณฑะผู้ปกครองสามารถร้องเรียนขอความเป็นธรรมได้ ทั้งกรณีเด็กไปทำโดยได้รับหรือไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง โดยยื่นร้องเรียนได้ที่กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ

ทั้งนี้ อยากฝากเตือนคนที่คิดจะไปตัดอัณฑะว่า จะต้องรับประทานยาเสริมฮอร์โมนไปตลอดชีวิต การตัดสินใจโดยเชื่อตามเพื่อนอาจมีผลต่อสภาพจิตใจ เพราะเมื่อตัดอัณฑะทิ้งแล้วจะไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ดังนั้น หากตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศต้องปรึกษาจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และแพทย์สาขาที่เกี่ยวข้อง