นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของนางพรรพิไล ตันเจริญ อายุ 31 ปี ตั้งครรภ์แรก หลังผ่าตัดคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา โดยแพทย์ผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเมื่อเวลา 02.00 น. ได้บุตรเพศชายน้ำหนัก 3,000 กรัม แข็งแรงดี หลังผ่าตัดมารดาเสียเลือดมาก แพทย์ทำการผ่าตัดครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน เพื่อตัดมดลูก เนื่องจากมดลูกไม่แข็งตัว และนางพรรพิไล เสียชีวิตในที่สุดว่า วันนี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่โรงพยาบาลเอกชนที่ให้การรักษานางพรรพิไล เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมทั้งสั่งกำชับให้ตรวจสอบมาตรฐานการรักษาโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ
ด้าน นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลป กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดในการดูแลรักษาพยาบาลนางพรรพิไล โดยดูทั้งมาตรฐานสถานพยาบาล เครื่องมือแพทย์ บุคลากร มาตรฐานการรักษา ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุผิดถูกได้ สาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ จะให้แพทยสภาและองค์กรวิชาชีพช่วยตรวจสอบด้วย ขณะนี้ทั่วประเทศมีโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด 333 แห่ง กองการประกอบโรคศิลป ได้พัฒนาและสนับสนุนให้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งพัฒนามาตรฐานให้ดีขึ้นทั้งในระดับสากลและระดับประเทศ ทั้งเรื่องเครื่องมือ บุคลากร และความสะอาดสถานพยาบาล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการ และให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานบริการ โดยในปี 2551 นี้ ได้จัดแผนส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมประเมินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง
ด้าน นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลป กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) จะส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดในการดูแลรักษาพยาบาลนางพรรพิไล โดยดูทั้งมาตรฐานสถานพยาบาล เครื่องมือแพทย์ บุคลากร มาตรฐานการรักษา ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุผิดถูกได้ สาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ จะให้แพทยสภาและองค์กรวิชาชีพช่วยตรวจสอบด้วย ขณะนี้ทั่วประเทศมีโรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด 333 แห่ง กองการประกอบโรคศิลป ได้พัฒนาและสนับสนุนให้โรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งพัฒนามาตรฐานให้ดีขึ้นทั้งในระดับสากลและระดับประเทศ ทั้งเรื่องเครื่องมือ บุคลากร และความสะอาดสถานพยาบาล เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการ และให้เกิดความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานบริการ โดยในปี 2551 นี้ ได้จัดแผนส่งเจ้าหน้าที่ตรวจเยี่ยมประเมินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง
