ช่างเริ่มลงมือวางผังก่อสร้างโรงขยายแบบ โรงสร้างพระโกศจันทน์ และโรงปั้นหล่อในงานออกพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พื้นที่ท้องสนามหลวงฝั่งทิศใต้แล้ว
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และอาคารประกอบภายในบริเวณท้องสนามหลวงทางด้านทิศใต้ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการวางผังอาคารขยายแบบ อาคารสร้างพระโกศจันทน์ และอาคารปั้นหล่อลวดลาย บริเวณตรงข้ามกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวังแล้ว รวมทั้งได้เริ่มดำเนินการล้อมรั้วพื้นที่โดยรอบสนามหลวงด้านทิศใต้ เพื่อเตรียมการก่อสร้างพระเมรุสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วย
ส่วนสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน มีฝนตกมาอย่างต่อเนื่องนั้น จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการก่อสร้างพระเมรุ เพราะเป็นช่วงของการเตรียมลงฐานราก และเมื่อมีการสร้างพระเมรุแล้ว หากเกิดฝนตกหนัก ทางกรมศิลปากร จะป้องกันโดยใช้ผ้าใบคลุม โดยเฉพาะส่วนที่เป็นกระดาษทองย่นไม่ให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งกรมศิลปากรจะประดับตกแต่งพระเมรุเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำฝนหรือสภาพอากาศที่แปรปรวน
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า สำหรับกำหนดการพิธีบวงสรวงการซ่อมราชรถ พระยานมาศ และเครื่องประกอบ ในพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ในวันอังคารที่ 5 ก.พ.2551 ที่มณฑลพิธีด้านหน้าโรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นั้น ในเวลา 11.30 น.ข้าราชการ แขกผู้มีเกียรติ และเจ้าหน้าที่พร้อมกันในมณฑลพิธี เวลา 11.45 น.ตนจะเข้าสักการะพระพุทธสิหิงค์ ที่พระที่นั่งพุทธไธสวรรค์ สักการะเจ้าพ่อหอแก้ว ที่ศาลาข้างพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์
จากนั้นเวลา 12.15 น.ตนจะจุดธูปเทียนถวายเครื่องสังเวยบูชาพระฤกษ์ พร้อมด้วยปี่พาทย์บรรเลงเพลงสาธุการ พราหมณ์ บรรลือสังข์ และไกวบัณเฑาะว์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และแขกผู้มีเกียรติ ร่วมกันปักธูปหางที่เครื่องสังเวย พระราชครูวามเทพมุนี อ่านโองการบวงสรวงเทพยดา และดวงพระวิญญาณพระมหากษัตริยาธิราชทุกพระองค์ โปรยเข้าตอกดอกไม้ที่เครื่องสังเวย และคล้องพวงมาลัยที่ราชรถ พระยานมาศ พระราชยาน ที่จะบูรณะ รำสาธุการ 7 คู่ และในเวลา 12.49 น.คณะช่างที่เกี่ยวข้องจากทุกหน่วยงาน เริ่มดำเนินการบูรณะเป็นปฐมฤกษ์
**ช่างลงมือก่อสร้างในพื้นที่
ด้านนายสมชัย ธรรมารัตน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศิวกร การช่าง จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัท ศิวกร ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารขยายแบบ อาคารปั้นหล่อลวดลาย และอาคารสร้างพระโกศจันทน์ รวมทั้งกั้นรั้วในพื้นที่สนามหลวงด้านทิศใต้ ซึ่งได้ลงมือดำเนินการแล้ว สำหรับปัญหาในการดำเนินงาน คือ ไม่มีไฟฟ้า และประปา ที่ใช้ในการก่อสร้าง จึงต้องใช้เครื่องปั่นไฟขนาดเล็กทดแทนไปก่อน อย่างไรก็ตาม ได้แจ้งให้กรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง เร่งประสานกับการไฟฟ้านครหลวง และการประปานครหลวง เพื่อติดตั้งมิเตอร์จ่ายน้ำและไฟ เพื่อใช้ในการก่อสร้างโดยด่วนแล้ว และแม้ว่าจะมีฝนตกในบางช่วงก็คาดว่าจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จทันระยะเวลาที่กำหนดไว้ 30 วัน
นายสุชาติ ยิ้มเมือง หัวหน้าช่างห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวกร จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 4 ก.พ.ช่างได้เริ่มลงมือกำหนดจุดกั้นรั้วสังกะสี เพื่อทำพื้นที่ก่อสร้างพระเมรุทั้งหมด รวมทั้งกำหนดจุดการก่อสร้างอาคาร 3 หลัง ขนาด 25x9.50 เมตร ซึ่งการก่อสร้างจะใช้โครงสร้างเหล็กทั้งหมด และใช้ไม้อัดปูในส่วนของพื้น และผนัง เนื่องจากเป็นอาคารชั่วคราว ส่วนหลังคาจะมุงด้วยสังกะสี บางส่วนจะใช้สังกะสีโปร่งแสง เพื่อให้แสงสว่างส่องเข้ามาภายในอาคารทำงานได้ สำหรับระบบระบายอากาศนั้น จะไม่มีการติดเครื่องปรับอากาศ แต่ใช้หน้าต่างบานกระทุ้งแบบโบราณ เพื่อให้ลมพัดผ่านเข้ามายังภายในอาคารได้ตลอด