นับตั้งแต่กรุงเทพมหานครเปิดโรงทานในเขตพื้นที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา เพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาร่วมโดยนำอาหารมาแจกให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระศพที่พระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ การนำอาหารมาแจกที่โรงทานมีทั้งที่เป็น “ขาจร” คือ มาเป็นครั้งคราว สุดแต่เวลาและกำลังทรัพย์จะเอื้ออำนวย ขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าประจำที่ยังปักหลัก และตั้งใจจะให้ทานเป็นเวลา 100 วัน หรือไม่ก็อาจจะนานจนกว่าจะประกาศให้ยกเลิก ด้วยว่าตั้งใจจะมาด้วยหัวใจอย่างแท้จริง...
**เจ๊ลั้ง...คนอื่นอิ่มท้อง ก็อิ่มใจ
เขตโรงทานจุดที่ 2 หญิงชุดดำ สวมผ้ากันเปื้อน และหมวกมอมๆ หนึ่งใบ เดินวุ่นคอยดูความเรียบร้อย เสียงสั่งให้หั่นผัก ต้มน้ำดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ จวบจนเริ่มเดินไม่ไหว แล้วนั่งพักจึงได้เริ่มคุย
สุภัชนา แซ่เตียว หรือ เจ๊ลั้ง โรงทานปากคลองตลาด บอกว่า การตั้งโรงทานในครั้งนี้ ตั้งใจจะทำอาหารให้ประชาชนที่มาลงนามถวายสักการะสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทั้งนี้ ในความตั้งใจแรกนั้นอยากจะทำอาหาร เพื่อถวายเป็นพระกุศลให้ครบ 100 วัน ทว่าด้วยงบประมาณในแต่ละวันที่เกินกว่ากำหนดไว้ ทำให้ทุนร่อยหรอลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
“เราอยากจะทำอาหารให้คนที่เข้ามาสักการะสมเด็จพระพี่นางฯได้กินเห็นหลายคนมาจากต่างจังหวัดเหนื่อยๆ ก็อยากให้เขาได้กินของดีๆ อร่อยๆ เขาอิ่มท้อง เราก็อิ่มใจ ดีใจและภูมิใจที่ได้ทำอะไรถวายพระองค์ท่านบ้าง นี่ก็ตั้งใจว่าจะทำไปจนกว่าทุนจะหมด ตอนแรกตั้งใจจะตั้งให้ครบร้อยวัน แต่แค่วันแรกซื้อของตุนไว้ 5 หมื่นกว่า วันหลังๆ ก็เกินหลักหมื่นทุกวัน ทุนก็คงหมดเร็วกว่าที่คาด แต่ก็มีคนที่เข้ามาช่วยสมทบบ้างตามกำลังเขานั่นแหละ”
ตั้งแต่เช้าตะวันส่องหม้อข้าวก็ไม่เคยว่าง 4 เตาแก๊ส 5 เตาถ่าน ทำหน้าที่อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งสายคนก็เริ่มทยอยมาไม่ขาด มือสาละวนหั่นผัก ตักอาหารที่เจ๊ลั้งเรียกว่า “อาหารบุญ” จนถึง 2 ทุ่ม“อาหารส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ เน้นโปรตีนเกษตร เห็ดหอม เมนูที่เป็นที่นิยมก็คงจะเป็น ข้าวต้มพันธมิตร ที่เคยทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาแล้ว นอกจากนี้ก็มีต้มจับฉ่าย ก๋วยเตี๋ยว และอีกหลายเมนู แต่จะทำเฉพาะอาหารมังสวิรัติ เพื่อให้คนที่มาทำบุญได้บุญด้วย” เจ๊ลั้ง อธิบาย
**ป่อเต็กตึ๊ง ซึ้งในพระกรุณาตั้งใจให้ทานนานที่สุด
ปริษา วชิรอมรเดช หรือ พี่ปัด อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เล่าว่า ขณะที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น มูลนิธิได้รับพระกรุณาธิคุณเสมอมา เพราะฉะนั้น การมาตั้งโรงทาน 100 วันจึงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งที่พอจะทำถวายเป็นพระกุศลแด่พระองค์ท่าน
“สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมอบหมายให้ผู้แทนพระองค์นำเงินมาบริจาคให้มูลนิธิเสมอ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีสวรรคต เราก็มาตั้งโรงทาน 200 วัน และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรียกเข้าไปตรัสถามว่า เหนื่อยไหม คนเยอะไหม ถือว่าเป็นเกียรติกับครอบครัวนักหนาแล้ว และสำหรับครั้งนี้ก็ตั้งใจว่าจะทำไปจนกว่างานเลิก”
อาสาสมัครมูลนิธิหลายคนแวะเวียนมาคอยช่วยกันทำอาหาร และทำหน้าที่แจกจ่าย จัดคิวให้ประชาชนเพื่อความเรียบร้อย สำหรับพี่ปัดนั้นมาทุกวันอยู่แล้ว แม้จะเหนื่อยอยู่บ้าง แต่แค่ได้ยินว่าอาหารอร่อย เพียงเท่านี้ก็ชื่นใจแล้ว
“เราจะเริ่มแจกตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง พอคนเริ่มซาก็หยุดพัก แจกอีกครั้งก็ใกล้ๆ เที่ยง ค่ำๆ เย็นๆ ก็ให้จนถึง 6 โมงเย็น อาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวต้ม ราดหน้า มีมาม่าหมูสับบ้างให้เด็กนักเรียน ซึ่งจะเน้นที่ความสะอาด วัตถุดิบคุณภาพดี และอร่อย วันหนึ่งๆ มีประชาชนเข้ามาขอค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์คนมาจากต่างจังหวัดเยอะ งานก็มากตามไปด้วยเจ้าหน้าที่จึงแทบไม่ได้หยุดมือ สำหรับงบประมาณวันหนึ่งก็อยู่ราวๆ 2-3 หมื่นบาท แต่เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะอยู่ให้นานที่สุด ก็ต้องทำต่อไป”
นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ยังมีรถพยาบาล รพ.หัวเฉียว คอยมาอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มารับอาหารด้วย
**ประชาชนทุกสารทิศ รับอาหารบุญ
คนที่มีกำลังทรัพย์ ก็ช่วยเหลือด้านกำลังทรัพย์ ด้วยการบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนให้โรงทานตั้งจนครบ 100 วันตามความตั้งใจของเจ้าของ แต่สำหรับคนที่ขาดกำลังทรัพย์อย่าง กวง หรือ นายวีระวัฒน์ สุอนันตประกิจ อายุ 54 ปี อดีตพนักงานบริษัท กำลังตกงาน เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่มาลงนามถวายสักการะที่ลาน กทม. แล้ว เดินเตร็ดเตร่มาที่สนามหลวง แล้วเห็นว่าโรงทานปากคลองตลาดมีคนมาขอรับอาหารมาก แต่คนที่เข้ามาช่วยมีน้อย ตนจึงขันอาสาเข้ามาช่วย แม้จะทำหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี
“ผมทราบจากข่าวว่ามีโรงทาน และมาที่นี่ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 12 เห็นที่โรงทานยุ่งๆ ก็เลยขอมาช่วย ไหนๆ เราไม่ได้ทำงานในช่วงนี้ ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ แม้จะไม่มีกำลังทรัพย์ แต่พอจะมีกำลังกาย การมาช่วยแจกของ ตักน้ำ และงานอื่นๆ ก็ช่วยเขาได้แล้ว เพราะคนที่อาสา
มาทำแต่ละคนทำงานหนัก และไม่ได้หยุดพัก เลยตั้งใจจะช่วยไปเรื่อยๆ จนกว่าโรงทานจะหยุด”
พรศักดิ์ ผิวทวี อายุ 37 ปี เดินทางมาจากสลัม 4 ภาค แถวๆ หมอชิต พร้อมกับ ด.ญ.ปกาศิณี ขันทีท้าว อายุ 8 ขวบ และ ด.ช.สมคิด ขันทีท้าว อายุ 7 ขวบ ที่หยุดขายต้นไม้ 1 วันเพื่อที่จะมาถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
“ตัวเรารักและเคารพพระองค์มาก จึงตั้งใจจะพาลูกมาไหว้ พอดีวันนี้มีโอกาสก็เลยมาเสียเลย รู้สึกดีที่มีโรงทานแถวนี้ เพราะคนที่เข้ามาไหว้พระพี่นางฯ ก็เยอะ มีข้าวให้กินแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน คนที่มาจะได้ไม่เหนื่อย อาหารเขาอร่อยนะ แต่คนทำก็คงจะเหนื่อยเหมือนกัน”
เด็กชายและเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งจะกินอาหารอิ่ม เมื่อถามว่ารู้จักสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ แค่ไหน แม้จะได้คำตอบเพียงว่าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เป็นพี่สาวของในหลวง แต่เด็กทั้งคู่ก็ตั้งใจจะมาถวายสักการะพระองค์สักครั้ง“หนูไม่เคยเจอท่าน ไม่รู้ว่าท่านทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าท่านเป็นพี่สาวในหลวง พ่อบอกว่าจะพามากราบท่านก็เลยขอตามมาด้วย พอดีเห็นเขาแจกข้าวเลยเข้ามารับด้วย” น้องใหม่บอกก่อนที่จะเดินจากไป
ขณะที่ชาวบ้านวัดไร่แตงทอง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามารับอาหารที่โรงทาน นางเจริญ อ่ำหนองโพ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่ 8 โมงกว่า ช่วงบ่ายจึงได้เข้าลงนามถวายสักการะ เมื่อออกมาก่อนที่จะกลับบ้านก็มีอาหารโรงทานกิน
“เข้าไปถวายสักการะ ก็มีเจ้าหน้าที่ในพระบรมมหาราชวังประกาศว่าที่สนามหลวงมีโรงทาน ก็เลยออกมารับแจก คนที่มาเหนื่อยๆ จากต่างจังหวัดอย่างนี้ได้รับอาหารก็ทำให้ไม่เหนื่อยมาก อาหารของเขาก็อร่อยนะ เห็นตั้งใจทำกันมาก แล้วก็แจกทั้งวันไม่ได้หยุดเลย” อบต.วัดไร่แตงทอง กล่าว
ด้านนางสอน สิริอางค์ อายุ 57 ปี ที่นอกจากจะแวะมาชิมอาหารที่โรงทานแล้ว ยังบริจาคเงินเพื่อช่วยสมทบทุน บอกว่า มาถวายสักการะเป็นวันแรก เพราะก่อนหน้านี้ทำงานตลอด พอมีโอกาสจึงรีบออกมา
“เห็นเขามีแจกอาหารก็เลยลองแวะมาชิม เห็นแถวยาวคนเยอะ อาหารก็อร่อยนะ เขาให้มาก็อยากจะกินให้หมด เพราะเห็นว่ากว่าจะหาข้าว หาน้ำมาได้ก็ลำบาก ป้าเองก็มาช่วยบริจาคนิดๆ หน่อยๆ เรามีกำลังน้อยก็ช่วยได้น้อย แต่ก็เห็นหลายคนที่มาช่วยเยอะๆ ก็ดีใจ ขาดสมเด็จพระพี่นางฯ ไปสักพระองค์ ก็ยังเห็นคนที่จะมาสืบทอดเจตนารมณ์ต่อ” ป้าสอน กล่าวก่อนจะแยกไปทางพระบรมมหาราชวัง