ผอ.พอ.สว.ยืนยันสืบสานพระราชปณิธาน เผยอาสาพอ.สว.ทุกคนกำลังใจดี พร้อมจะทำงาน พอ.สว.ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระพี่นางฯ ต่อไป ด้านคนไข้ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯร่ำไห้ เผยทั้งน้ำตา หากเลือกได้ขอสละชีวิตแทนพระองค์
เมื่อเวลา 10.58 น. พ.อ.กุลทีป เสนจันทร์ฒิไชย ผอ.มูลนิธิ พอ.สว.ได้เป็นตัวแทนเชิญพวงมาลาของมูลนิธิ พอ.สว.มาสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
โดย พ.อ.กุลทีป กล่าวว่า ในนามของตัวแทนมูลนิธิ พอ.สว.รู้สึกเสียใจเพราะพระองค์ท่านเปรียมเสมือนพ่อแม่เรา ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ พอ.สว.เท่านั้น ประชาชนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ผ่านมูลนิธิ พอ.สว.ก็คงมีความรู้สึกเสียใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม งานพอ.สว.จะต้องดำเนินต่อไปเพราะทุกคนมีกำลังใจดี โดยขณะนี้มีอาสาอยู่ทั้งหมด 51 จังหวัดทั่วประเทศที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งแต่ละที่ได้เตรียมแผนดำเนินงานต่อไปอยู่แล้ว โดยจะส่งแผนปฏิบัติการให้มูลนิธิทราบ จากนั้นมูลนิธิ พอ.สว.จะสนับสนุนในสิ่งที่อาสาของจังหวัดนั้นๆ ต้องการ
“เมื่อสมัยที่ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ทรงดำเนินงาน พอ.สว.สืบทอดพระราชเจตนารมณ์สมเด็จย่า สิ่งที่เราระลึกถึงพระพี่นางฯ ก็คือ พระองค์โปรดการตรงต่อเวลามาก เมื่อเสด็จไปไหนจะทรงตรงต่อเวลาเสมอ และพระองค์มักจะตรัสต่ออาสา พอ.สว.เสมอ ว่า ให้รักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรง จึงจะไปรักษาผู้อื่นได้”
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนราชสกุลสนิทวงศ์ ได้นำพวงมาลามาสักการะพระศพ รวมถึงพวงมาลาจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, สภากรุงเทพมหานคร, บริษัท เว็บสวัสดี จำกัด (มหาชน) ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 10.55 น.สำนักพระราชวังได้นำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2550 มาแจกแก่ประชาชนที่มาสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัย
นอกจากนี้ ยังมีคณะนายทหารนำโดยพล.ต.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 เดินทางมาสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัย
ด้านนางข่อง ดวงจันทร์ดี อายุ 58 ปี ชาวสกลนคร กล่าวว่า มีโอกาสทำงานในโครงการศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จ.สกลนคร ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพี่นางฯหลายครั้ง อีกทั้งยังได้เป็นคนไข้โรคต้อกระจกในพระอุปถัมภ์ของพระองค์ หลังจากทราบข่าวพระพี่นางฯเสด็จทรงรับการถวายการรักษาในโรงพยาบาล จึงได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อติดตามพระอาการที่โรงพยาบาลศิริราชทุกวันอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ทราบข่าวสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ว่าจะกลับไปยังโครงการที่พระองค์เคยทรงดูแลอย่างไร
“แล้วพวกเราชาวโครงการจะอยู่อย่างไร เพราะพระองค์ทรงช่วยเหลือคนจน เมื่อไม่มีพระองค์ท่าน ต้องทำใจตลอดชีวิต รักพระองค์ท่านมาก พระองค์เปรียบเสมือนแม่คนที่สองที่คอยให้และช่วยเหลือชีวิตเรามาตลอด หากเลือกได้อยากสละชีพแทนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินมากกว่าเราหลายเท่านัก” นางข่อง กล่าวทั้งน้ำตา
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปอีกว่า ทางโรงเรียนตั้งตรงจิตรพณิชยการ ได้นำคณะนักเรียน 50 คน เดินทางมาถวายพวงมาลาและลงนามถวายความอาลัยอีกด้วย
ด้าน คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดสร้างสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้พระราชทานราชานุญาตให้ใช้พระนามเป็นชื่อสถาบัน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบพื้นที่หลังพระราชนุสาวรีย์รัชกาลที่ 8 ที่บริเวณสะพานพระราม 8 ฝั่งบางยี่ขัน เป็นพื้นที่จัดตั้งสถาบัน โดยในเบื้องต้นได้รับงบประมาณจากรัฐบาล 22 ล้านบาท เพื่อออกแบบอาคาร คาดว่า อีกภายใน 3 ปี จะรับนักศึกษาเข้าเรียนได้ ซึ่งสถาบันแห่งนี้จะเป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อระลึก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเน้นการสอนดนตรีคลาสสิกทุกประเภทตามพระปณิธาน
