ป.ป.ช. ชี้มูลอดีตรองผู้ว่าฯภูเก็ต ทุจริตออกโฉนดเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลาไม่ชอบ ผิดทั้งมาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ชงเพิกถอน โฉนดที่ดิน
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายนิวิทย์ หรือปภินวิช อรุณรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และนายไพฑูรย์ เลิศไกร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กับพวก ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่รวม 13 - 3 - 2.3 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา และเป็นพื้นที่เขา ที่ภูเขา ที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.51 น.ส.จันจิรา วีระกิจ ได้ยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะรายต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต โดยใช้หลักฐานแบบแจ้ง การครอบครอง ส.ค.1 เลขที่ 215 หมู่ที่ 2 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ 15 - 2 - 25 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 401 (พ.ศ. 2512) มีชื่อนางบวน กลิ่นชิตร เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2498 ระบุการทำประโยชน์ เป็นที่สวน โดยน.ส.จันจิรา ได้สิทธิการครอบครองที่ดินดังกล่าวมาจากการซื้อต่อจากบุคคลอื่น ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ข้างเคียงที่ระบุในการซื้อขายที่ดินแต่ละครั้งเปลี่ยนแปลงไปไม่มีความสอดคล้อง สัมพันธ์กัน
ในระหว่างการรังวัดออกโฉนดที่ดิน ภายหลังจากที่นายบุญชัย สันทัดอนุวัตร นายช่างรังวัด ชำนาญงาน ได้ทำการรังวัดปักหลักเขตที่ดินที่ขอออกโฉนดดังกล่าว โดยมีนางสาวจันจิรา เป็นผู้นำ การรังวัด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.53 และนายจตุพงศ์ แก้วใส ปลัดอำเภอกะทู้ ได้ลงลายมือชื่อในบันทึก ผู้ปกครองท้องที่ออกโฉนดแทนนายอำเภอกะทู้ โดยระบุข้อเท็จจริงในใบไต่สวนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสวนทุเรียน ไม่เป็นที่หลวงหวงห้ามหรือที่สาธารณประโยชน์ มีการทำประโยชน์ตามสภาพท้องถิ่นแล้ว ต่อมาในวันที่ 14 มิ.ย.53 น.ส.จันจิรา ได้ขายที่ดินตาม ส.ค.1 ดังกล่าว ให้กับนายสนิท วรกิจ และนางสาวสุนิสรา วัฒนเสน และบุคคลทั้งสองได้เข้าสวมสิทธิในการขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน โดยมอบอำนาจให้ นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการแทน
ต่อมานายบุญชัย สันทัดอนุวัตร ได้จัดทำรายงานการรังวัดลงวันที่ 1 กันยายน 2553 ระบุว่า ที่ดินมีลำรางสาธารณประโยชน์ตัดผ่าน จึงรังวัดออกเป็น 2 แปลง และเชื่อว่าที่ดินที่ขอรังวัดตรงตามตำแหน่งเดิม แต่เนื่องจากที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา จึงเสนอนายชลสินธุ์ นาคเกิด หัวหน้าฝ่าย รังวัด ผ่านนายปกรณ์ ทองตัน หัวหน้างานรังวัด และนายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) เพื่อตรวจสอบว่า ผู้ขอได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมายมาก่อนวันที่ทางราชการกำหนดให้ ที่ดินนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ คณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดินได้จัดทำรายงานฉบับลงวันที่ 21 ก.ย.53 เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา สภาพที่ดินเป็นเขา ทำประโยชน์เป็นสวนผลไม้พื้นเมือง ไม่ขัดข้องที่จะออกโฉนดที่ดินหาก ส.ค. 1 ตรงกับพื้นที่ที่ขอออกโฉนด ซึ่งต่อมานายอนุพงศ์ เอียดดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน นายยศกฤต ชูศรี หัวหน้างานฝ่ายทะเบียน และนายสมชาย ไชยศรี หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ได้เสนอความเห็นต่อนายไพฑูรย์ เลิศไกร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เชื่อว่าที่ดิน ที่ขอรังวัดตรงกับตำแหน่งตาม ส.ค. 1 ที่นำมาขอออกโฉนด และผู้ขอได้ครอบครองทำประโยชน์เป็นสวนผลไม้ เต็มทั้งแปลง เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอตามผลการรังวัด
จากนั้นนายไพฑูรย์ เลิศไกร ได้จัดทำบันทึก เห็นควรออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ขอเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าระยะแนวเขต และข้างเคียงที่ดินทุกด้านไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับหลักฐานเดิม และไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบ สภาพที่ดินและการครอบครองทำประโยชน์เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดเป็นที่ดินตรงตามหลักฐาน ที่ผู้ขอนำมาแสดง ตามมาตรา 56/1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กับทั้งไม่มีการตรวจสอบกับระวางรูปถ่ายทางอากาศ ก่อนเสนอให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ขอ จนกระทั่งนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ ในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เห็นชอบให้ออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 ก.พ.54 และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้ออกโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 เนื้อที่ 10 - 2 - 34.3 ไร่ และโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 เนื้อที่ 3 - 0 - 68 ไร่ ให้กับนายสนิท วรกิจ และน.ส.สุนิสรา วัฒนเสน เมื่อวันที่ 11 ก.พ.54 และในวันที่ 5 ส.ค.54 บุคคลทั้งสองได้ขายที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 13897 ให้กับนายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ซึ่งต่อมาความปรากฏจากผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของกรมป่าไม้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2510, 2519, 2538, 2542, 2545, 2552 และ 2554 พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้นและป่าดิบชื้นทุติยภูมิ ไม่มีการทำประโยชน์ในที่ดิน และผลการตรวจสอบของกรมพัฒนาที่ดินพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความลาดชันเกิน 35 % และอยู่ในเขตที่เขา ที่ภูเขา ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินตามกฎหมาย ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า
1. การกระทำของนายนิวิทย์ หรือปภินวิช อรุณรัตน์ นายไพฑูรย์ เลิศไกร นายบุญชัย สันทัดอนุวัตร นายปกรณ์ ทองตัน นายชลสินธุ์ นาคเกิด นายจตุพงศ์ แก้วใส นายอนุพงศ์ เอียดดี นายยศกฤต ชูศรี นายสมชาย ไชยศรี และคณะกรรมการตรวจพิสูจน์ที่ดิน ประกอบด้วย นายราเชนทร์ สงแดง นายปรีชา ช่วยชู นายพฤฒพงศ์ หรือจิรายุ เพชรรัตน์ และนายจรูญ ลิ่มสกุล มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2. การกระทำของน.ส.จันจิรา วีระกิจ นายสนิท วรกิจ และนางสาวสุนิสรา วัฒนเสน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด จึงให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวน การไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิด ดังกล่าวตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณี และให้ขอให้อัยการสูงสุดมีคำร้องขอต่อศาลให้เพิกถอน โฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 ประกอบมาตรา 93 วรรคสอง และให้แจ้งกรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 13896 และ 13897 ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ที่ออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ตามหน้าที่ และอำนาจต่อไป
ช่อง


