xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเอกสารข้อพิพาทที่ดินเขากระโดงปี 64 พบ การรถไฟฯ รับ ไม่มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ขีดเส้นเขตที่ดินเพิกถอนไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบเอกสารตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2564 ที่นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีที่ดินในขณะนั้น ได้ทำหนังสือ ที่ มท. 0516.2/3530 ถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่อง ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย

โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้แจ้งผลการดำเนินการ กรณีสมาพันธ์คนงานรถไฟขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และที่ดินแปลงอื่น ๆ ที่ออกทับซ้อนที่ดินของการรถไฟฯ บริเวณเขากระโดง ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 862-876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 และที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 วินิจฉัยแล้วว่า ที่ดินตามแผนที่ เนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา เป็นของการรถไฟฯ หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกมาภายหลังจากที่การรถไฟฯ ได้เข้าครอบครองถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแล้ว จึงออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ดำเนินการเพิกถอนทุกแปลงไปให้กรมที่ดินทราบเพื่อประกอบพิจารณา ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

กรมที่ดินขอเรียนว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้นั้น จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติจากการสอบสวนของสำนักงานที่ดินที่ที่ดินตั้งอยู่ว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรมที่ดินจึงจะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้


โดยคณะกรรมการสอบสวนฯ ประกอบด้วย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานกรรมการ นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องที่ที่ดินตั้งอยู่ ผู้แทนส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่อธิบดีกรมที่ดินเห็นสมควร (กรณีนี้จะเป็นผู้แทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย) เป็นกรรมการ และมีข้าราชการของสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ตั้งแต่ระดับชำนาญงานหรือชำนาญการเป็นกรรมการและเลขานุการ

สำหรับกรณีที่การรถไฟฯ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์คนงานรถไฟ กล่าวอ้างคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 และที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 เพื่อให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น เห็นว่า การเพิกถอนหรือแก้ไขตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าว จะต้องเป็นกรณีที่ศาลได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นการออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้ดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดที่ดินนั้นด้วย
แต่เนื่องจากในกรณีนี้คำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีไม่ได้พิพากษาให้เพิกถอนหรือแก้ไขแต่อย่างใด จึงไม่สามารถดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขตามมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้

อย่างไรก็ตาม กรณีศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 842-876/2560 กรมที่ดินได้แจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการจำหน่าย ส.ค. 1 เลขที่ 209 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้ใช้เป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดินออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกรมที่ดินได้มีหนังสือลับ ที่ มท 0516.2/3025 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 แจ้งให้การรถไฟฯ ทราบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว

ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1977/2564 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2564 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการกับ น.ส. 3 ข. เลขที่ 200 หมู่ที่ (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 13) ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาว่าบางส่วนออกทับที่ดินของการรถไฟ ตามมาตรา 61 วรรคแรก แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งดังกล่าว

กรณีที่กล่าวอ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 และที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ให้นำมาใช้กับโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งการรถไฟได้แจ้งให้กรมที่ดินตรวจสอบว่าได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น กรณีดังกล่าวกรมที่ดินได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1556/2550 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 และที่ 163/2552 ลงวันที่ 29 มกราคม 2552 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไปแล้ว เนื่องจากการรถไฟฯ ไม่สามารถหาแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2464 มาประกอบการพิจารณา

คณะกรรมการจึงมีความเห็นว่า เมื่อการรถไฟฯ ไม่สามารถจัดส่งหลักฐานแผนที่ประมาณที่กำหนดแนวเขตทางรถไฟเพื่อสำรวจและทำการสงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี พ.ศ. 2462 มาประกอบการพิจารณาได้ และพยานหลักฐานอื่น ๆ ตามที่การรถไฟได้จัดส่งให้กรมที่ดินก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินที่มีการสำรวจเสร็จแล้ว และมีการสงวนหวงห้ามเข้าใช้ประโยชน์ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตฯ

กรมที่ดินจึงไม่สามารถดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงได้ ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 99 ซึ่งกรมที่ดินได้หารือแนวทางปฏิบัติไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวจะต้องให้หน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐคือการรถไฟฯ ฟ้องคดีต่อศาลขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง

กรณีสมาพันธ์คนงานรถไฟ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทยร้องเรียนขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่มีข้อเท็จจริงเดิมที่เคยดำเนินการและยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงใหม่แต่อย่างใด ประกอบกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 ทั้งสองคดี ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก รวมทั้งเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ไม่ได้ถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145

สำหรับแผนที่ดังกล่าวที่ใช้ในการพิจารณาของศาล เป็นแผนที่ที่คู่ความรับกันในคดีและผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น จึงไม่สามารถนำแผนที่ดังกล่าวมาใช้ประกอบในการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

ทั้งนี้ กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยมีหนังสือแจ้งผลการดำเนินการว่า ไม่มีแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง พ.ศ. 2464 โดยกล่าวอ้างว่า ได้ใช้แผนที่แสดงเขตการรถไฟอ้างสิทธิ์ มาตราส่วน 1:4,000 ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้ยื่นต่อศาลในการต่อสู้คดีและขอใช้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หากการรถไฟฯ ยืนยันว่าแผนที่ที่ใช้ในการพิจารณาของศาลดังกล่าวเป็นแผนที่ที่มีความถูกต้อง การรถไฟฯ ก็สามารถที่จะถ่ายทอดแนวเขตลงไปในระวางแผนที่รูปถ่ายทางอากาศที่กรมที่ดินจัดส่งให้การรถไฟฯ และรับรองความถูกต้องได้เช่นกัน

ซึ่งกรมที่ดินมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ระวางแผนที่ที่การรถไฟฯ ได้ขีดเขตและรับรองแล้วเป็นหลักฐานอย่างหนึ่ง นอกจากหลักฐานอื่น ๆ (ถ้ามี) ในการประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อกรมที่ดินจะได้จัดส่งระวางแผนที่ดังกล่าวให้จังหวัดบุรีรัมย์ตรวจสอบว่าที่ดินแปลงใดต้องดำเนินการเพิกถอนทั้งแปลงหรือบางส่วนต่อไป

อนึ่ง จากการประสานงานกับสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ปรากฏว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 1180 หมู่ที่ (กม. 346+000-376+500 ทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ-อุบลฯ ทางแยกเขากระโดง กม. - +00) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนเนื้อที่ 5,083 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา 1 ศอก ระบุการได้มาตามพระราชกฤษฎีกา สภาพที่ดินเป็นทางรถไฟ มานำมาเป็นการยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินกับสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ในปี พ.ศ. 2530 จำนวน 10 คำขอ (10 แปลง) ซึ่งเป็นการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะส่วน (ไม่เต็มตามหลักฐาน ส.ค. 1) ผลการรังวัดได้เนื้อที่รวม 477 ไร่ 3 งาน 08.8 ตารางวา คงเหลือเนื้อที่ตาม ส.ค. 1 ประมาณ 4,605 ไร่ 1 งาน 71.2 ตารางวา ซึ่งสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จเนื่องจากเหตุขัดข้องบางประการ จึงได้แจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์เร่งรัดสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ให้เร่งรัดในกรณีดังกล่าว และขอให้การรถไฟฯ ไปดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามนัยระเบียบและกฎหมาย

ในกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่สามารถกำหนดแนวเขตลงในระวางแผนที่ได้ การรถไฟฯ สามารถนำหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 1180 หมู่ที่ 1 ตำบลในเมือง ไปยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินในส่วนที่เหลือ (4,605 ไร่ 1 งาน 71.2 ตารางวา) ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมครบตามหลักฐาน ส.ค. 1 เลขที่ 1180 ดังกล่าว และเมื่อได้แนวเขตที่ดินที่ชัดเจน กรมที่ดินจะได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป รายละเอียดปรากฏตามสำเนาเอกสารที่ส่งมาพร้อมนี้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและพิจารณาดำเนินการต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น