xs
xsm
sm
md
lg

เกมสกปรกป้ายสี "บิ๊กต่าย" หลังลงดาบ "ผู้การเกรียง" จับโป๊ะ ขู่แฉจ่าย 30 ล้าน ซื้อตำแหน่ง ขี้หกทั้งเพ! ** “ลุงป้อม” หมดใจบันดาลแรง!! ได้เวลาพรรคสืบทอดอำนาจ “3ป.” ล่มสลาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


++ เกมสกปรกป้ายสี "บิ๊กต่าย" หลังลงดาบ "ผู้การเกรียง" จับโป๊ะ ขู่แฉจ่าย 30 ล้าน ซื้อตำแหน่ง ขี้หกทั้งเพ!

ประเด็นร้อน...กรณีคลิปเสียงว่อนโซเชียลบทสนทนาระหว่างนายตำรวจระดับ"ผู้การ" พูด "กดดันลูกน้อง" เรื่องส่วยและขู่จะส่ง "ฉก." ลงพื้นที่ไปลุยให้ "ระเนระนาด"

คลิปอื้อฉาวแพร่สะพัดไม่นาน "บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สะบัดปากกา ลงนามในคำสั่งให้ "พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง" ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ไปช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยขาดจากหน้าที่ตำแหน่งเดิมทันที

งานนี้ก็ต้องบอกว่า "บิ๊กต่าย" แอกชัน "ลงดาบ" ได้อย่างเด็ดขาด ฟันเร็ว และฟันตรง!

คำสั่งทางปกครองมีผลทันที ... ระบุชัดเจนว่า ผู้บังคับการฯ อาจมีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม อันอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

และเหตุผลของการออกคำสั่ง ก็เขียนไว้ชัดว่า...เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และไม่เกิดความเสียหายต่อทางราชการ

พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง หรือ “ผู้การเกรียง” ปัจจุบัน อายุ 57 ปี เกษียณอายุราชการในปี 2571 เป็น นรต.รุ่น 46 รุ่นเดียวกับ “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” รองจเรตำรวจแห่งชาติ “พล.ต.ท.สยาม บุญสม” ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง” ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด


.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์
ชีวิตราชการโลดแล่นในพื้นที่ภาคใต้ เคยเป็น ผกก.สืบสวน ภ.จว.กระบี่ เลื่อนเป็นรอง ผบก.ภว.พังงา โยกเป็นรอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ ก่อนโยกเป็นรอง ผบก.ภ.จว. นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2566

ล่าสุดในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568 ได้เลื่อนติดยศ พล.ต.ต.ในตำแหน่งผบก.ภ.จว. นครศรีธรรมราช โควตาอาวุโส และมีชื่อในบัญชีผู้เหมาะสมอันดับ1 ของภาค 8 มีการส่งพอร์ตผลงานการจับกุมคดี

จากการตรวจสอบพบว่า ในอดีต “พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์” เคยเป็นคนสนิทและคณะทำงานของ “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” และ "โจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. ซึ่งในปัจจุบันทั้งคู่ถือว่าหมดอำนาจแล้ว

เรื่องนี้เหมือนจะจบ...ด้วยการ "เด้ง" ผู้การเข้ากรุ แต่กลับปรากฏว่า มีเกมสกปรก-ไอโอ ของขบวนการเสียประโยชน์ในเรื่องนี้เคลื่อนไหว ปล่อยข่าวดิสเครดิต "บิ๊กต่าย"

ข้อความโจมตีตรงไปที่ตัว ผบ.ตร. ดังตัวอย่างโพสต์ลงเพจ ว่า “…ฉาว! ผู้การเมืองคอน รีดส่วยลูกน้อง ผกก.ฉวาง ผู้การลั่น! ถ้าผบ.ตร. ให้ออกจากราชการ ตนพร้อมแฉ…จ่ายเงินซื้อตำแหน่งกับ‘บิ๊กต่าย’ 30 ล้านบาท..!”

พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ นุ่นเกลี้ยง
นี่ไม่ใช่การร้องเรียน แต่คือการข่มขู่เชิงวาทกรรม และเป็นการ “ยิงสวน” หลังเสียหมาในเกมอำนาจ

คนในตร. วิเคราะห์ตรงกันว่า เรื่องนี้และข้อกล่าวหา "บิ๊กต่าย" มุกแป้ก! ไม่เนียนต้องไปเรียนมาใหม่

แหล่งข่าวระดับผู้บังคับบัญชาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุตรงกันว่า.."ขี้หกทั้งเพ"

เพราะ หนึ่ง "ผู้การนคร ได้ “ขึ้น" เพราะระบบ ไม่ใช่เพราะวิ่ง คะแนนอาวุโส มากกว่า 50% และดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.นคร อยู่ก่อนแล้ว

ดังนั้น การขยับขึ้นเป็นไปตามลำดับ ไม่ใช่ขึ้นลิฟต์

สอง...ถูกเสนอเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่ง มาตั้งแต่ยุคก่อน สมัย “พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร” โดยถูกเสนอชื่อเป็น “ผู้เหมาะสมอันดับ 1”

เพราะฉะนั้น ตำแหน่งนี้ อยู่ในแฟ้มประวัติ ไม่ใช่สายกระเป๋า!

สาม...ตรรกะง่ายๆ ที่คนสีกากีเข้าใจดี คือ คนที่รอขึ้นเพราะอาวุโสไม่มีเหตุผลจะควัก 30 ล้าน เพื่อซื้อในสิ่งที่ตัวเอง “ได้อยู่แล้ว” !!

ถ้าจะวิ่ง…ต้องวิ่งตั้งแต่ยังไม่มีแต้ม ไม่ใช่วิ่งตอนเส้นชัยอยู่ตรงหน้า!

นี่ก็เป็นบทสรุปที่จับโกหกขบวนกินส่วย โดยใส่ร้าย ผบ.ตร. เรื่องซื้อขายตำแหน่ง

วิชามารแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ จะคุ้นๆ เหมือนวิธีที่นายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ที่ก็รู้กันดีว่าเป็นใคร ชอบใช้มุกนี้เป็นประจำ!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
++ “ลุงป้อม” หมดใจบันดาลแรง!! ได้เวลาพรรคสืบทอดอำนาจ “3ป.” ล่มสลาย

ในการประชุม พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อพิจารณาเรื่อง เสนอชื่อผู้สมัครสส.แบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต รวมถึงประกาศชื่อ แคนดิเดตนายกฯของพรรคอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.)

ปรากฏว่ามีเรื่องเซอร์ไพร้ส์ ที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค ประกาศว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคขอถอนตัว จากการเป็น แคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ของพรรค เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ

และขยับให้ “ตรีนุช เทียนทอง” เลขาธิการพรรค ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทน ส่วนเบอร์ 2 เป็น “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” รองหัวหน้าพรรค

แม้ “ลุงป้อม”จะตีธงถอย ไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่ยังไม่ได้ลาออกจากหัวหน้าพรรค เหตุผลไม่ใช่เพราะยังหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง แต่เป็นเพราะยังมีภารกิจในการเซ็นหนังสือรับรองผู้สมัครสส. แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ที่กำลังจะลงสมัคร ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

หลังเสร็จภารกิจส่งผู้สมัครสส. ลงสนามแล้ว คงไม่ต้องเดาว่า “ลุงป้อม” จะตัดสินใจอย่างไร

“พรรคพลังประชารัฐ” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 จากการรวมตัวของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ เพื่อมารองรับการสืบทอดอำนาจของ “พี่น้อง 3 ป.” ให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา เปลี่ยนสถานะจาก นายกรัฐมนตรีที่มาจากการรัฐประหาร ได้เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง!!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นักการเมืองที่เป็นแกนนำหลัก ก็คือ กลุ่ม "สามมิตร" ซึ่งก็คือ อดีตรัฐมนตรีใน“รัฐบาลชินวัตร” นั่นแหละ มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ - สมศักดิ์- เทพสุทิน- สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” และ “อุตตม สาวนายน” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค

ซึ่งในกลุ่มของ “สมคิด” ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจนั้น มีมือไม้ ที่เรียกว่า “กลุ่ม 4 กุมาร” ประกอบด้วย อุตตม สาวนายน , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ , สุวิทย์ เมษินทรีย์ และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล”

หลังเลือกตั้ง ปี 2562 พรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมใจ ส่ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯได้สำเร็จ แถมนั่งควบกลาโหม... “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ... “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรมว.มหาดไทย

จากนั้นก็มีการเปลี่ยนผ่านอำนาจภายในพรรค โดย “บิ๊กป้อม”ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ส่วน “สมคิด” และ “กลุ่ม 4 กุมาร” ก็ต้องออกจากพรรคไป

ในการเลือกตั้งปี 2566 ทั้ง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป้อม” ต้องการเป็นนายกฯ ด้วยกันทั้งคู่ ตกลงกันไม่ได้ จึงต้องแยกพรรค

สาย “บิ๊กตู่” ไปตั้ง“พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดยรวบรวมกลุ่มอดีต กปปส. จากพรรคประชาธิปัตย์ และ กลุ่ม “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น จากพรรคพลังประชารัฐ โดยมี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เป็นหัวหน้าพรรค และ “บิ๊กตู่” เป็นแคนดิเดตนายกฯ

ส่วนสาย“บิ๊กป้อม” ยังอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ “กลุ่มสมศักดิ์-สุริยะ” ย้ายกลับไปพรรคเพื่อไทย

หลังการเลือกตั้งปี 2566 ทั้ง “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ไม่มีใครได้เป็นนายกฯ เพราะ พรรคก้าวไกล ชนะเลือกตั้ง แต่ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จึงถึงคิวของพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล แล้ว “สว.สายลุงตู่” ก็โหวตหนุนให้ “เศรษฐา ทวีสิน” ได้เป็นนายกฯ และ เมื่อเศรษฐา ต้องพ้นตำแหน่งนายกฯ ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จากเรื่องการตั้ง “ทนายถุงขนม” เป็นรัฐมนตรี จึงถึงคิว “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี

ในการเลือกตั้ง 2569 ที่กำลังจะมีขึ้นนี้ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง “กลุ่มเสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น และ “กลุ่มเสี่ยขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ซึ่งถือว่าเป็น “สายลุงตู่” ต่างย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย เหลือเพียง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เฝ้าพรรค

ส่วนพรรคพลังประชารัฐ นอกจากกลุ่ม “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” จะย้ายออกไปตั้งพรรคกล้าธรรมแล้ว กลุ่มของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ก็ย้ายไปตั้งมุ้ง ในพรรคภูมิใจไทย “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ก็ออกไปตั้งพรรครักชาติ ปล่อยให้ “ลุงป้อม” อยู่กับ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” และ กลุ่มของ “ตรีนุช เทียนทอง” กับสส.อีกไม่กี่คน

แล้วในที่สุด “ลุงป้อม” ที่เคยบอกว่า “ใช้ใจบันดาลแรง” เพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายสูงสุด คือเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็ถอดใจ
วันนี้ “ลุงป้อม” ต้องตกอยู่ในสภาพ “หมดใจบันดาลแรง” ไปแล้ว ถึงยอมถอยจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ “พรรคพลังประชารัฐ” และ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ซึ่งเป็นพรรคเฉพาะกิจ ที่ตั้งมารองรับคณะรัฐประหาร คงได้เวลาปิดฉากโดยสมบูรณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น