xs
xsm
sm
md
lg

โค้งสุดท้ายบีบเข้ม ลุยรบจบ ก่อนโหมดเจรจา !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการสู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา น่าจะเข้าสู่ช่วงท้ายๆ ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการเจรจาแล้ว โดยเฉพาะจากการที่ฝ่ายไทยสามารถรุกคืบเข้ายึดคืนพื้นที่จากฝ่ายกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันฝ่ายไทยกำลังใช้มาตรการ “บีบ” ขั้นสุดท้าย นั่นคือ การสกัดกั้น น้ำมัน และพลังงานเข้าไปฝั่งกัมพูชา ทั้งทางบกและทางทะเล จนทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการร้อนรน นั่งไม่ติดเลยทีเดียว

จากรายงานสถานการณ์ จากการแถลงของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งมีจุดปะทะกันมากที่สุด เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.68 กองทัพภาคที่ 2 ราบยงานสถานการณ์สู้รบ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.ถึงปัจจุบัน ใน 17 พื้นที่ ประกอบด้วย

พื้นที่ช่องบก สถานการณ์ตึงเครียดสูง มีการปะทะด้วยอาวุธหนักเป็นระยะ ทกพ. พยายามรักษาที่มั่นบนเนินสำคัญและเตรียมรับมือการถูกปิดล้อม โดยเร่งกักตุนเสบียงและกระสุนในแนวหน้า สิ่งบอกเหตุชี้ชัดถึงความกังวลต่อการถูกตัดเส้นทางส่งกำลังบำรุง หนทางปฏิบัติหลักคือการตั้งรับในที่มั่นแข็งแรงเพื่อถ่วงเวลา และใช้การยิงสนับสนุนเมื่อฝ่ายไทยเข้าใกล้

พื้นที่ช่องอานม้า เป็นจุดปะทะรุนแรงที่สุด แนวรับชั้นแรกถูกเจาะทำลายและสูญเสียอาวุธนำวิถี (GAM-102LR) ทหารกัมพูชา ประสบวิกฤตด้านขวัญกำลังใจและเสบียง จึงตอบโต้ด้วยการระดมยิง BM-21 แบบปูพรมใส่พื้นที่ส่วนหลังของไทยเพื่อหยุดยั้งการรุก คาดว่าจะร่นถอยไปตั้งรับในแนวลาดด้านหลัง และใช้การยิงฉากป้องกันขั้นสุดท้ายเพื่อคุ้มครองฐานยิงปืนใหญ่

พื้นที่สัตตะโสม - โดนตรวล - ซำแต พื้นที่นี้ทำหน้าที่เป็น "ฐานยิงและศูนย์กลางโดรน" พบการรวมศูนย์โดรนเพื่อชี้เป้าและสนับสนุนพื้นที่ข้างเคียง ทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยิงแล้วย้าย" ของฐานยิง BM-21 เพื่อหลบหลีกการยิงสวนกลับ โดยอาศัยภูมิประเทศป่าทึบในการซ่อนพราง

พื้นที่ห้วยตามาเรีย สถานการณ์วิกฤต ทหารกัมพูชา มีคำสั่งทำลายพื้นที่สัญลักษณ์ และเสริมความแข็งแรงบังเกอร์ ทางยุทธวิธีเน้นการยิงรบกวนและทำลายสิ่งปลูกสร้าง โดยจะตรึงกำลังบริเวณวัดแก้วฯ และใช้อำนาจการยิงจากพื้นที่ต่ำกดดันพื้นที่สูงของไทย

พื้นที่ภูมะเขือ ทหารกัมพูชา เสียเปรียบทางยุทธวิธีอย่างหนักจนไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ จึงปรับแผนเป็น "การปฏิเสธพื้นที่" โดยใช้ BM-21 ยิงประณีตใส่ยอดเขาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายไทยจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้ แม้จะต้องถอนกำลังภาคพื้นดินออกไป

พื้นที่พลาญหินแปดก้อน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรบเป็นการใช้โดรน FPV (Kamikaze) และชุดล่าทำลายรถถัง ทดแทนกำลังพลที่ขาดแคลนกระสุน 12.7 มม. หนทางปฏิบัติคือ การรบแบบกองโจร จัดชุดเล็กคล่องตัว ลักลอบโจมตีแนวหลังและยานเกราะของไทย

พื้นที่ช่องจอม - ช่องระยี - ปลดต่าง มีการเพิ่มเติมกำลังพลใหม่ประมาณ 300 นาย พร้อมมาตรการวินัยการสื่อสาร และพรางไฟที่เคร่งครัด บ่งชี้ถึงการเตรียมการตีโต้ตอบ หรือจัดเป็นกองหนุน ปัญหาพลังงานสื่อสารทำให้ต้องร้องขอแบตเตอรี่เพิ่ม พร้อมปล่อยข่าวลวงเรื่องการถอนตัวของไทยเพื่อรักษาขวัญทหาร

พื้นที่ช่องคนา ยานเกราะไทยสร้างแรงกดดันอย่างหนักจน ทกพ. ต้องร้องขอการยิงปืนใหญ่แบบ ใกล้ฝ่ายเดียวกัน เพื่อสกัดกั้น คาดว่าหากต้านทานไม่ได้จะถอนตัวไปยังภูมิประเทศที่ยากต่อการเข้าถึงของรถถัง

พื้นที่ตาควาย - เนิน 350 การรบประชิดรุนแรงจนเสีย ผบ.หน่วยทหารกัมพูชา ใช้ยุทธวิธี "ยอมแลก" โดยระดมยิง FPV และ BM-21 เข้าใส่พื้นที่สังหารรวมถึงพื้นที่ตนเองหากจำเป็น เพื่อยื้อแย่งพื้นที่สัญลักษณ์และหยุดการเข้าตีของไทย

พื้นที่เนิน 225 ตกอยู่ภายใต้อำนาจการยิงและการครองอากาศของโดรน ไทยโดยสมบูรณ์ทหารกัมพูชา สั่งระงับความเคลื่อนไหว และเข้าที่กำบัง 100% เป้าหมายหลักคือการอยู่รอด เพื่อรอจังหวะตอบโต้หรือเคลื่อนย้ายเมื่อการยิงปูพรมสิ้นสุดลง

พื้นที่ช่องกร่าง ปะทะด้วย ถ.อย่างต่อเนื่อง มีการลดจำนวนพลประจำรถเพื่อลดความสูญเสีย ใช้รถถังเป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ในยุทธวิธีรบหน่วงเวลา อาศัยภูมิประเทศ ยิงแล้วถอยเพื่อรักษากำลังรบ

พื้นที่ตาเมือน ระบบควบคุมบังคับบัญชาของฝ่าย กัมพูชาถูกฝ่ายเรา รบกวนและดักฟัง ทำให้เกิดความระแวงและต้องเปลี่ยนรหัสวิทยุบ่อยครั้ง รวมถึงปัญหาขาดแคลนพลังงาน จึงหันมาใช้พลนำสารและลดการใช้วิทยุ โดยหน่วยระดับล่างจะปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุอัตโนมัติเมื่อขาดการติดต่อ

พื้นที่สายตะกูทหารกัมพูชา ระวังป้องกันสูงโดยใช้โดรนลาดตระเวนหนาแน่นและวางกำลัง ถ. ซุ่มรอในภูมิประเทศที่ได้เปรียบ เพราะกังวลการเปิดแนวรุกใหม่ของไทย หนทางปฏิบัติคือการเตรียมพื้นที่สังหาร เพื่อทำลายฝ่ายเรา

จากการรายงานสถานการณ์ดังกล่าวจะเห็นว่า ทหารกองทัพไทยกำลังรุกคืบยึดพื้นที่คืนกลับมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเริ่มตกอยู่ในภาวะตั้งรับและถอยร่น และจากรายงานจะพบว่าพวกเขา “เริ่มขาดแคลนพลังงาน”

ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาก็คือการ “ปิดกั้น” หรือ “สกัดกั้น” การส่งน้ำมันและพลังงานที่เป็น “ยุทธปัจจัย” ข้ามแดนไปยังกัมพูชา ซึ่งถือเป็นมาตรการล่าสุดที่ฝ่ายกองทัพไทยนำมาใช้ เพื่อเร่งเผด็จศึกให้เด็ดขาด หลังจากเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมาทางกองทัพไทยได้มีข้อเสนอให้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) สกัดกั้นการส่งน้ำมัน และสินค้ายุทธปัจจัยข้ามแดนไปยังกัมพูชาทางทะเล ขณะที่ก่อนหน้านั้นทางกองัพภาคที่ 2 ได้สั่งห้ามการขนส่งน้ำมันข้ามแดนที่ด่านช่องเม็กไปแล้ว

ทั้งนี้ ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน มีนัดหมายประชุมกันเกี่ยวกับข้อเสนอของทางกองทัพไทยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในวันที่ 16 ธันวาคม

ถามว่าจะได้แนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจนเพิ่มขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ก็ปฏิบัติแล้ว ส่วนเรื่องการปิดด่านเราก็ปิดในส่วนของเรา

เมื่อถามว่าได้รับรายงานกรณีรถน้ำมันที่ไปจอดรอบริเวณช่องเม็กเพื่อส่งไปสปป.ลาว เพื่อส่งไปกัมพูชาหรือยัง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายละเอียดขอให้ถามทางกองทัพ โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ดูแลเรื่องนี้อยู่ และเป็นคนที่ออกคำสั่ง

เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องชี้แจงต่อนานาประเทศอย่างไรหรือไม่เพราะล่าสุดทางยูเอ็นเจนีวาได้โพสต์ขอให้ประเทศที่มีความขัดแย้งหยุดยิงเนื่องจากพลเรือนไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยรักษาอธิปไตยของเรา คงไม่ต้องชี้แจงอะไร เพราะภาพชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งมีการยิงจรวดบีเอ็ม 21 มาเป็นซีรีย์มีมาเป็นชุดเลย เฟี้ยวฟ้าวเต็มไปหมด แต่ไทยยังไม่เคยไปทำอะไรประเทศเขาเลย ตรงนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้ว

แน่นอนว่านี่เหมือนเป็นการ “เร่งปิดเกม” ให้เร็วที่สุด หลังจากที่ผ่านมาฝ่ายไทยสามารถเริ่มรุกคืบหน้าได้เรื่อยๆ สามารถยึดพื้นที่ และจุดยุทธศาสตร์สำคัญกลับคืนมาได้ ซึ่งการปิดกั้นพลังงานที่เป็นมาตรการล่าสุดได้ถูกนำมาใช้ แม้ว่างานนี้หากพิจารณาในรายละเอียดจะมีเบื้องหลังซับซ้อน เนื่องจากมี “กลุ่มทุน” บางกลุ่มต้องเสียประโยชน์

ขณะเดียวกันด้วยความจำเป็นด้านเงื่อนไขเวลาที่ต้องเร่งปิดเกม เพราะเวลานี้หากสังเกตจะเห็นว่าบรรดาชาติมหาอำนาจ และองค์กรระหว่างประเทศ ต่างเริ่มบีบไทยเข้ามาทุกขณะแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่ล่าสุด ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เริ่มขีดเส้นให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ไม่เช่นนั้นจะใช้มาตรการทางภาษี และลงโทษทางการค้า ดังนั้นจึงต้องจับตาการสู้รบภายในสองสามวันนี้ ที่คาดว่าจะต้องเข้มข้นหนักหน่วงกว่าเดิมแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น