xs
xsm
sm
md
lg

“ไอติม” แนะ “อนุทิน” อยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ ควรไปสื่อสารกับนานาชาติ ปกป้องผลประโยชน์คนไทยจาก “สแกมเมอร์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ไอติม” แนะ “อนุทิน” อยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ ควรไปสื่อสารกับนานาชาติ ปกป้องผลประโยชน์คนไทยจาก “สแกมเมอร์” มองภาพร่วมเฟรม “เบน สมิธ” พิสูจน์ชัดเจนที่สุด รบ.จริงจังหรือไม่ ชี้ แถลงอายัดทรัพย์แค่นับหนึ่งเท่านั้น ซัด ตลกร้าย หลักสูตร วปอ. เอาไว้ป้องกันประเทศ แต่กลายเป็นทำเลทองเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวง


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพที่ปรากฏ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมเฟรมกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ว่า เมื่อวานนี้นายอนุทิน ได้เข้ามาชี้แจง ตนคิดว่า สิ่งที่จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่สุดว่ารัฐบาลมีความจริงใจจริงจังในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์หรือไม่ รัฐบาลมีความเกรงใจบุคคลใดที่มีความเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ไม่ใช่คำพูดของนายกฯ แต่เป็นการกระทำของนายกฯ และรัฐบาล

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น สิ่งที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกมาแถลงข่าวตนมองว่าเป็นการนับหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ ตนอยากเชิญชวนทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนทุกคนจับตาดูอย่างใกล้ชิด ว่า หลังจากนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าขยายผลจากการแถลงข่าวของ ปปง. อย่างไร โดยมองว่า การกระทำนั้นต่างหากที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่ารัฐบาลมีความจริงใจแก้เรื่องนี้มากแค่ไหน จะพ้นข้อครหาของการที่มีภาพปรากฏกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ซึ่งตัวอย่างรูปธรรม เช่น การยึดทรัพย์ในเวลานี้เป็นการยึดทรัพย์ชั่วคราวภายในกรอบเวลา 90 วัน ที่เปิดให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์มาชี้แจงและติดตามอย่างใกล้ชิดว่าผ่าน 90 วันไปแล้วการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้นจริงต่อหรือไม่

ซึ่งเราจะเห็นการขยายผลในการออกหมายจับหรือว่าในการยึดทรัพย์บุคคลอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่มีฐานอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตว่ามูลค่าที่ถูกยึดทรัพย์เบื้องต้นครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เป็นทรัพย์สินที่มาจากเงินการหลอกลวงประชาชน โดยทางเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ซึ่งตัวอย่างของรูปธรรมและการทำงานของรัฐบาลจะเป็นตัวพิสูจน์

โดยเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) ตนเห็นนายอนุทิน มีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ ตนมองว่า หากนายอนุทินอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ การพยายามประสานความร่วมมือกับเวทีนานาชาติ เพราะเรื่องสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่ไม่ได้กระทบแค่คนไทยเท่านั้น แต่กระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนในหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศรู้ดีว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ต้องอาศัยประเทศไทย เพราะประเทศไทยมีเชิงภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างสองชายแดนที่ถูกมองว่าเป็นฐานของศูนย์สแกมเมอร์ จึงคิดว่าประเทศไทยต้องใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับนานาชาติด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้และปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการแลกเปลี่ยนทรัพยากร รวมถึงการพูดคุยการวางมาตรฐานในเรื่องของการฟอกเงินที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ รวมถึงการอาศัยความร่วมมือในการดำเนินคดีของผู้กระทำความผิดที่อาจจะมีการเดินทางไประหว่างประเทศเป็นต้น

นายพริษฐ์ ยังกล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากได้ฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่ปรากฏภาพกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ ก็จะเห็นว่า คำชี้แจงหลายครั้งคือเจอกันตามหลักสูตรต่างๆ ทั้ง วปอ. หรือการร่วมงานเลี้ยงในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนคิดว่า ก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนหรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรดังกล่าว ของหน่วยงานภาครัฐ ที่จัดโดยหลายหน่วยงานมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ของศาลยุติธรรม หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นปยส.) ของ ป.ป.ช. เป็นต้น

ซึ่งตนเคยตรวจสอบผ่านกลไกของกรรมาธิการว่าการมีหลักสูตรเหล่านี้ได้คุ้มเสียหรือไม่ ตอนเชิญหน่วยงานมาชี้แจง ก็ให้เหตุผลว่าเป็นความพยายามเพื่อสร้างความเรียนรู้ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนรวมถึงหน่วยงานต่างๆ

“แต่เราตั้งคำถามถึงประโยชน์ว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และคุ้มค่าหรือไม่กับข้อเสียไม่ว่าจะเป็นในเชิงงบประมาณภาษีประชาชนที่ใช้อุดหนุน หรือความเสี่ยงเรื่องการไปหล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมหลักสูตรเหล่านี้หลายครั้งก็มักจะมาจากหน่วยงานหรือภาคส่วนที่ต้องตรวจสอบกันและกัน ผมคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาและยกเลิกหลักสูตรดังกล่าว” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ยังตั้งคำถามว่า หากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริงเรื่องการเรียนรู้ ไม่ได้มีไว้เพื่อการสร้างคอนเนกชันเป็นหลัก ทำไมไม่ค่อยเห็นผลงานความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมจากผู้เข้าเรียน ถ้าหลักสูตรเหล่านี้มีประโยชน์ในการเรียนรู้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อคอนเนกชันทำไมถึงไม่เห็น ความพยายามในการปรับรูปแบบหลักสูตรในการลดความเสี่ยงหล่อเลี้ยงรูปแบบอุปถัมภ์ เช่น ปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ หรือการรับคนเป็นรุ่นๆ หรือการเผยแพร่องค์ความรู้จากหลักสูตรในโลกออนไลน์

“ผมจึงตั้งคำถามว่า ประโยชน์ในเรื่องการเรียนรู้มีจริงหรือไม่ และอีกมุมหนึ่งสิ่งที่เห็นชัด คือ ข้อเสียหรือความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ เพราะกลายเป็นว่าหลักสูตรเหล่านี้รวมตัวแทนรัฐจากหลายหน่วยงานและภาคเอกชนก็อาจมีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นทำเลทอง หรือศูนย์บริการครบวงจร One Stop Service ให้เขาสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวงในประเทศได้อย่างง่ายดาย” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ ยังมองว่า เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ กลับถูกตั้งคำถามว่า หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศ

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนดำเนินเรื่องการปราบสแกมเมอร์มาสักระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็นำหลักฐานสแกมเมอร์ไปยื่นร้องหน่วยงาน ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นการเคลมผลงานกันหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า เรื่องของสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งตอนนี้มีหลายภาคส่วนเข้ามาเอาจริงเอาจังเข้ามาร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น