xs
xsm
sm
md
lg

“บวรศักดิ์” แถลงตั้ง 5 อนุ กก.ถอดบทเรียนมหาอุทกภัยแก้ครบวงจร รายงานผลทุก 2 สัปดาห์ ดูหน้างาน 6 ธ.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองนายกฯ แถลงตั้ง 5 อนุกรรมการ ถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย แก้ครบวงจร ตั้งแต่พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา ทำระบบให้ใช้ได้ทุกพื้นที่ รายงานผลทุก 2 สัปดาห์ เผย นำทีมกรรมการ ลงดูหน้างานจริง 6 ธ.ค. หวังคนหาดใหญ่นอนหลับ สบายใจ

วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ว่า การประชุมครั้งนี้เนื่องจากเกิดเหตุขึ้นแล้วในอดีตจึงอยากสร้างระบบให้ประชาชนหาดใหญ่นอนหลับ ในปีหน้าต้องไม่เกิดเหตุแบบนี้อีก และหากการถอดบทเรียนครั้งนี้ใช้ได้ก็สามารถนำไปใช้ที่อื่นได้ทั้งหมด และเพื่อให้รู้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นแบบนี้อีกใครจะต้องทำอะไรอย่างไร โดยหลังเสร็จการถอดบทเรียนครั้งนี้จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี​ (ครม.) ว่า จะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต โดยได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 5 คณะคือ  1. คณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมในการรับภัยจะดูเรื่องพยากรณ์อากาศ วิเคราะห์ว่าจะเกิดอุทกภัยขนาดไหน และจะมีระบบเตือนภัยอย่างไร โดยจะให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธาน

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า 2. คณะอนุกรรมการป้องกันและลดผลกระทบดูแลเรื่องการอพยพ โรงพยาบาล ระบบสาธารณสุข และสาธารณูปโภคทั้งหลาย รวมถึงการสื่อสารที่ต้องไม่ให้ล่ม ไม่ใช่ว่ามีแต่ระบบไฟฟ้า แต่ต้องมีระบบไว้แบ็กอัป โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการในภาวะฉุกเฉิน ดูแลเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การขอความร่วมมือจากกองทัพและส่วนราชการทั้งหลาย ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีทรัพยากร จึงจะขอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน 4. คณะอนุกรรมการจัดการหลังเกิดภัย ดูแลการเยียวยา การจัดการขยะ ทำความสะอาด และดูแลสุขภาพจิต โดยจะให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน และ 5. ชุดประสานงาน โดยตนจะเป็นผู้ดูแลเอง จะดูเรื่องของเอไอและแพลตฟอร์มที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาอื่นๆของคณะอนุกรรมการทั้งหมด เพราะหากทุกคนต่างคิดค้นแอปพลิเคชันขึ้นมาประชาชนจะสับสนไม่รู้จะใช้อันไหน แต่หากมีแพลตฟอร์มกลางจะใช้ได้ที่เดียว

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ ตนจะเชิญกรรมการ ถอดบทเรียนฯ ลงไปดูพื้นที่จริงว่าหากปีหน้าน้ำมาเราจะป้องกันอย่างไร ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่หาดใหญ่วันดังกล่าวด้วยเช่นกัน และหวังว่า งานของคณะกรรมการชุดนี้จะเสร็จภายใน 3 เดือน และเสนอต่อ ครม. เพื่อกำหนดการเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต ให้คนหาดใหญ่สบายใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ที่ผ่านมา มีแผนรับมือภัยพิบัติอยู่แล้ว นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เราต้องถอดบทเรียนว่าทำไมถึงไม่มีการซ้อม และทำไมศูนย์อพยพถึงไม่แน่ชัด พอส่งสัญญาณให้ประชาชนอพยพไปยังที่ปลอดภัย ประชาชนก็ถามว่าที่ไหนคือที่ปลอดภัย โดยจุดที่เป็นจุดบกพร่องเราก็ต้องถอดบทเรียน หรืออย่างเช่นประชาชนบางคนไม่อพยพ เพราะกลัวทรัพย์สินในบ้านหาย ดังนั้นต้องทำให้เขามั่นใจว่าทรัพย์สินจะไม่หาย ต้องดูทั้งสิ่งที่สำเร็จและเป็นปัญหา

เมื่อถามว่า อะไรคือโจทย์ใหญ่ที่สุดจากการถอดบทเรียนครั้งนี้ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 5 คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้น คือ โจทย์ใหญ่ เพราะไม่มีสูตรสำเร็จ ซึ่งปัญหามีหลายเรื่องและคนในพื้นที่ และข้าราชการทำอย่างเต็มที่ โดยวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ จะขอพบกับผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และขอประชุมกับเจ้าหน้าที่ สตง. ภาคใต้ ว่าช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ความบกพร่องของท่าน ต้องไม่ให้เป็นงานของเรา ทั้งนี้หากไม่ได้เป็นเรื่องของการทุจริตแต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาหน้างานที่ดีขึ้นหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ก็อยู่ในข้อเสนอเหล่านี้

เมื่อถามว่า จะต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะอย่างคลอง ร.1 ก็ใช้มานานแล้ว โดย นายเสรี ศุภราทิตย์ กรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวว่า ในอนุกรรมการทุกชุดที่ตั้งขึ้นมาต้องไปตรวจสอบดูว่าในแต่ละแผนไม่คิดกิจกรรมอะไรที่สำเร็จหรือเป็นช่องว่าง เช่นปัญหาเรื่องคลอง ร.1 ก็อยู่ในอนุกรรมการ ชุดที่สอง ที่ต้องไปดูว่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรับได้หรือไม่ ก็จะมีคำตอบอยู่ในนั้น

จากนั้น นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ทางคณะกรรมการอาจจะพิจารณาจัดทำเป็นคู่มือสำหรับประชาชน เพื่อให้คำแนะนำว่าหากเกิดสถานการณ์ระดับเบื้องต้น ระดับกลาง หรือระดับอพยพ ประชาชนต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือจะต้องอพยพไปที่ไหน เช่น จะต้องเตรียมเสื้อชูชีพหรือของยังชีพที่อยู่ได้ 3 วัน รวมถึงต้องมีโซล่าเซลล์เพื่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ในบ้านด้วย

นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า จะต้องบูรณาการแก้ไขกฎหมาย เช่น รู้ว่าเหตุน่าจะเกิด แต่ประกาศไม่ได้ แบบนี้ก็ควรจะต้องแก้กฎหมาย หรือควรจะมีกฎหมายที่หากเกิดเหตุความจำเป็นในลักษณะแบบนี้ ก็ควรจะมีกฎหมายที่ยกเว้นระเบียบได้ เช่นในเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะให้คณะอนุกรรมการแต่ละชุดรายงานการทำงานทุก 2 สัปดาห์

เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้ จะลงพื้นที่ในจังหวัดอื่นด้วยหรือไม่ เพราะยังมีพื้นที่อื่นที่ เกิดปัญหาน้ำท่วมขังมา 5-6 เดือนแล้ว นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ประสบภัยทั่วประเทศมีหลายแห่ง ลักษณะภัยอาจจะคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน เพราะน้ำท่วมในบางพื้นที่ชาวบ้านก็รู้ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต แต่จะกระทบต่อการทำมาหากิน เช่น ทุ่งนา ไร่ หรือสัตว์เลี้ยง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องดูแล แต่ในกรณีหาดใหญ่ถือเป็นภัยที่ผิดปกติ จึงต้องถอดบทเรียนไว้ใช้ในอนาคต เพราะหากเกิดภัยขึ้นอีก ก็สามารถหยิบคู่มือมาทำตามได้

ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวยกตัวอย่างว่า กรณีของประเทศญี่ปุ่นเกิดอุบัติภัยในลักษณะนี้ ต้องมีการประเมินผลถอดบทเรียน และนำไปปรับปรุงทำให้บ้านเมืองมีความเจริญและเดินไปได้ อย่าไปมองเพียงว่ารัฐบาลหาเสียงหรือแก้ตัว เพราะหากใครเป็นรัฐบาลก็ต้องทำเรื่องนี้ ซึ่งญี่ปุ่นจะออกเป็นปกขาวทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสึนามิ โรงไฟฟ้าปรมาณู หรืออุทกภัยก็ต้องทำหมด ซึ่งงานนี้ตนยินดีจะช่วยและทุกคนก็พร้อมจะช่วย ขณะที่ประชาชนก็ต้องเตรียมตัวด้วย เช่น ประชาชนในอำเภอหาดใหญ่ต้องมีเสื้อชูชีพติดบ้าน

นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ขอให้เลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของจำนวนผู้เสียชีวิต แต่ควรมาคิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้หรือไม่ เช่น การเตือนภัยล่วงหน้าก่อน 5 ชั่วโมง สามารถทำได้หรือไม่ เป็นเพราะข้อมูลไม่เพียงพอหรือว่าฮาร์ดแวร์ไม่มีหรือไม่ หรือขาดการประสานงาน เราควรจะไปดูในเรื่องของเนื้องาน


กำลังโหลดความคิดเห็น