“แก้วสรร” ดีใจ ศาล รธน.รับคำร้องปมคลิปเสียง “อุ๊งอิ๊งค์” พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้เป็นการทำงานตามข้อกฎหมาย ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์หรือแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองให้ใคร การยื่นถอดถอนนักการเมืองเป็นหลักการที่ต่างประเทศใช้กัน
วันนี้(1 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ รร.รัตนโกสินทร์ มีการแถลงข่าวของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สืบเนื่องจากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายเรื่องของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราดีใจมาก ดีใจที่กฎหมายได้ทําหน้าที่ให้บ้านให้เมือง
“คณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์เนี่ย ผมขอออกชื่อเลยผมก็อยู่คณะนี้มาก่อน ไปออกโซเชียลฯ ดังทั่วประเทศว่า จะใช้กฎหมาย จะใช้ศาลสร้างสถานการณ์ ศาลไม่ใช่เครื่องมือที่จะมาแก้สถานการณ์ สร้างสถานการณ์ ท่านพูดถูกฮะ ขณะเดียวกันท่านพูดอย่างนี้ท่านกล่าวหาพวกเรา ว่าเรากําลังใช้ศาล ใช้กฏหมายด้วยมูลเหตุทางการเมือง จูงใจทางการเมือง
“ขอตอบอย่างนี้นะครับว่า วันนี้ศาลตัดสินตามกฎหมายทั้งสิ้น กระบวนการนี้ ขอให้ความรู้นิดหนึ่งภาษาฝรั่งเค้าเรียกว่า Impeachment ก็คือการเอาคนในออฟฟิศในสํานักงานของรัฐ ในตําแหน่งสําคัญๆ ออกไป เอาออก ถอดถอนออกจากตําแหน่ง ด้วยเหตุประพฤติผิดในหน้าที่ ไม่ว่าจะผิดต่อความไว้วางใจ หรือเกิดติดสินบนเสียหายอย่างเช่นในสมัยประธานาธิบดีนิกสัน ก็ถูก impeachment ในฐานที่ใช้หน่วยงานของรัฐไปดักฟังหนังสือพิมพ์ เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ”
นายแก้วสรรกล่าวต่อว่า วันนี้ศาลตัดสินถูกแล้ว มีคํากล่าวหาที่ถูกต้องตามกฎหมายจาก สว. 36 คนที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญว่ามีสิทธิ์กล่าวโทษ เพราะฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญยังไงก็ต้องรับ ท่านทําตามกฏหมาย ท่านไม่ได้สร้าง ไม่ได้แก้สถานการณ์ให้ใคร อะไรทั้งสิ้น
ในส่วนคําสั่งที่ 2 คือให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ เป็นศัพท์กฎหมายเขาเรียกว่าวิธีการชั่วคราว เพราะว่าข้อหาอันนี้เป็นจริง ถ้าให้ยังสวมตําแหน่งนายกฯ แล้วก็ได้ใช้อํานาจในตําแหน่งหน้าที่นี้เป็นที่ไว้วางใจไม่ได้ มีความผิดปรากฏขึ้น ข้อหานี้เป็นจริงก็จําเป็นต้องมีวิธีการชั่วคราว ระวังไว้ก่อน ไม่ใช่ให้เสียหายไปกว่านี้
“แต่ส่วนในท้ายที่สุด หลังจากศาลใช้อํานาจไต่สวน ฟังพยานหลักฐานแล้วเนี่ยท่านจะตัดสินอย่างไร แล้วบอกว่าผิด ไม่ผิด ไม่เลว อันนั้นก็แล้วแต่ศาล แต่ช่วงนี้จําเป็นจะต้องพัก ให้งดปฏิบัติหน้าที่เอาไว้ก่อน อันนี้เสียงตรงนี้ออกมา 7-2
“พวกเราดีใจมากที่ศาลทํางานตามกฎหมาย ส่วนการไต่สวนของท่าน ท่านมีอํานาจไต่สวนที่จะต้องถามแพทองธาร ถามคนเกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วหาความจริงให้ได้ เพื่อหาคําอธิบายว่าไปคุยในคลิปอย่างนี้ออกมาได้ยังไง ตรงนี้พวกเรามิบังอาจเข้าไปล่วงละเมิดอํานาจศาล จึงขอทําความเข้าใจนะครับ แล้วก็จะไม่ไปเคลื่อนไหวบีบบังคับ ดีใจ โห่ร้องอะไรทั้งสิ้น ทําไม่ได้ทั้งนั้น มันเป็นการแทรกแซงอํานาจศาลแล้วมันจะเข้าทางของคนที่จ้องจะใส่ร้ายเราตลอด” นายแก้วสรรกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายแก้วสรรกล่าวเพิ่มเติมว่า การไม่แทรกแซงศาลไม่ได้แปลว่าจะนั่งนิ่งไม่ทำอะไรเลย
อย่างไรก็ตาม นายแก้วสรรกล่าวว่า การไม่แทรกแซงศาลไม่ได้แปลว่าจะนั่งนิ่งไม่ทำอะไรเลย
นายแก้วสรรกล่าวเพิ่มเติมว่า เท่าที่ทราบหลังจาก สว.ยื่นคําร้องถอดถอน น.ส.แพทองธารไปแล้ว ก็มีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่สามารถจะเติมให้ศาลได้ ก็คือความผิดความไว้วางใจไม่ได้ของอุ๊งอิ๊งค์และของระบอบทักษิณคือการใช้ความเป็นส่วนตัวไปพูดคุย ทั้งที่ต้องมีกระทรวง ปรึกษากระทรวงต่างประเทศ ว่าจะอย่างนี้ บันทึกอย่างนี้
“คุณลุงคะ ถอยกันดีกว่าค่ะ อยู่ดีๆ คุณลุงรุกรานมาอย่างงี้เนี่ย แล้วไปฟ้องศาลโลกเนี่ย ไม่ได้นะคะ เราตกลงกันไว้ในเอ็มโอยูเลย เราต้องใช้วิธีปรึกษาหารือเจรจากัน ห้ามไปขึ้นศาลโดยไม่ได้ผ่านคําชี้แจงพูดคุยกัน หนูขอลุงเถอะค่ะ ไม่งั้นเราจําเป็นต้องประท้วง นี่พูดอย่างนี้ เขาเรียกว่าเจรจาความเมือง แต่ให้ไม่มีไพในมือนะ
“แต่ไม่ใช่คุณลุงคะ อยากได้อะไรก็บอกนะคะ ทหารเป็นฝ่ายตรงข้ามค่ะ มันอยากเท่ ไอ้นี่ไม่ใช่การเจรจาความเมืองแล้ว” นายแก้วสรรกล่าว
นายแก้วสรรยังกล่าวอีกว่า กรณีที่ น.ส.แพทองธารโทรศัพท์ไปคุยกับนายมาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ที่บอกว่าจะให้มาครงมาช่วยให้อุณหภูมิเย็นลงนั้น ที่จริงแล้วไม่ต้อง ถ้าอยากจะให้เย็นลง สีจิ้นผิงเอาอยู่แน่นอน จึงมีข้อน่าสงสัยว่า โทรไปเจรจาเรื่องอะไร เรื่องน้ํามันในอ่าวไทยใช่หรือไม่ เรื่องที่ให้บริษัทฝรั่งเศสรับสัมปทานร่วมใช่หรือไม่ อันนี้หรือเปล่าที่คุณลุงบอกให้ทํา ไปทําให้บริษัทฝรั่งเศสเย็นๆ ลงหน่อย เดี๋ยวมันมาทวงเงิน ช่วยบอกหน่อย เป็นโครงการร่วมกัน ไม่ต้องห่วง ทางพวกเรารู้เรื่อง
“ความผิด สิ่งที่ไว้วางใจไม่ได้ คือการที่เอาประโยชน์ส่วนตน เอาการเจรจาส่วนบุคคลเนี่ยเข้ามาตลอดเวลา นี่ข้อเท็จจริงนี้ต้องเติมเข้าไปอีก” นายแก้วสรรกล่าว