นายกฯ นำ Kick off มอบนโยบายขับเคลื่อนการดำเนินงานยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ เน้นเชื่อมโยงทุกระดับ ทำงานบูรณาการเชิงรุก-สร้างความตระหนักรู้ ยอมรับบางงานผู้ชายทำได้ไม่เท่าหญิง มองภาคประชาสังคมเป็นหัวใจประสานงานแบบไร้รอยต่อ ชี้ต้องส่งเสริมสนับสนุนร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด
เวลา 10.30 น.วันที่ 24 พ.ย. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในงาน Kick off มอบนโยบายการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการยุติความรุนแรงต่อสตรีในระดับพื้นที่ โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงต่างๆ พร้อมสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำโดยนางสาวธนนนท์ นิรามิษ ภรรยานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมแม่บ้านมหาดไทย และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพียง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามาประชุมกันในวันนี้ด้วยภารกิจที่สำคัญยิ่งคือภารกิจของการปกป้องประชากรเพศหญิง ซึ่งมีจำนวนเกินครึ่งหนึ่งของประชากรคือมากกว่าผู้ชายประมาณ 1.6 ล้านคน
แปลว่าผู้หญิงเป็นพลังสำคัญยิ่งของประเทศ ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจมีบทบาทมากมายที่ทำเคียงคู่กับผู้ชายและในบทบาทเหล่านั้นบางทีผู้ชายก็ทำได้ไม่ดีเท่ากับผู้หญิง ซึ่งเราต้องดูแลและส่งเสริมให้พวกเขาได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ หากเราปล่อยให้ผู้หญิงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยหรือเผชิญความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใดเท่ากับว่าเรากำลังลดทอนศักยภาพของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในส่วนของนโยบายที่ผ่านมาเราคุยกันเรื่องการป้องกันและการเยียวยามามาก แต่ในปีนี้รัฐบาลต้องการให้เกิดผลอย่างจริงจังในพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนงานยุติความรุนแรงต่อสตรี เพราะเราเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภออบต.เทศบาลไปจนถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านและเครือข่ายในชุมชน เราต้องการทำงานแบบป้องกันเชิงรุกสร้างความตระหนักรู้ในพื้นที่สนับสนุนโรงเรียนครอบครัวและผู้นำชุมชนให้รู้จักสัญญาณความเสี่ยงและช่วยยับยั้งเหตุรุนแรงก่อนจะเกิดเหตุขึ้นจริง ทำให้ชุมชนเป็นพื้นที่ ที่ผู้หญิงและเด็กรู้สึกปลอดภัย และเรื่องที่อยากจะขอเน้นการเชื่อมโยงในข้อมูลระดับจังหวัดและอำเภอ ตนได้ขอให้ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุขตำรวจ ศูนย์ดำรงธรรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ข้อมูลร่วมกันช่วยเหลือผู้หญิงไม่ว่าจะเป็นการรักษาการแจ้งเหตุ การคุ้มครองให้ทำได้รวดเร็วต่อเนื่องและหลายช่องทางที่ปลอดภัย ทั้งสายด่วนผ่าน App หรือภาคประชาสังคมข้อมูลที่เป็นหัวใจของการช่วยเหลือขอให้ทุกฝ่ายไม่นิ่งดูดายและประสานงานกันให้ไร้รอยต่อ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับภาคประชาสังคมทุกองค์กรที่ทำงานหน้างานมาตลอดหลายครั้งองค์กรเหล่านี้เป็นผู้แรกที่ผู้ประสบภัยกล้าไปหา ถือเป็นกำลังสำคัญช่วยเติมเต็มงานของรัฐ รัฐบาลมองเห็นคุณค่าบทบาทนี้และเราจะทำงานร่วมกันต่อไป รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะบูรณาการร่วมกับภาคส่วนทั้งกระทรวงต่างๆท้องถิ่น เอกชน ภาคประชาสังคมรวมถึงองค์การระหว่างประเทศ เพื่อให้สตรีทุกคนมีความปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองเยียวยาอย่างเหมาะสมที่สุด จึงขอฝากภารกิจสำคัญนี้ไว้กับทุกท่าน ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้มาร่วมพบปะและหารือกันในที่ประชุมแห่งนี้ ขอให้การประชุมครั้งนี้บรรลุผลสัมฤทธิ์ทุกประการและให้ทุกท่านในที่นี้ประสบความสุขความเจริญก้าวหน้าและมีสุขภาพแข็งแรง


