ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์ถึงไทยและกัมพูชาในวันศุกร์ (14 พ.ย.) เพื่อหนุนเสริมข้อตกลงสันติภาพที่เขาช่วยเป็นคนกลางให้เข้มแข็งขึ้นอีก หลังจากเกิดการปะทะกันครั้งใหม่ระหว่างเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 รายนี้ ทั้งนี้ตามการแถลงของทำเนียบขาว
ทรัมป์ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงสงบศึกระหว่างประเทศทั้งสอง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ระหว่างการเดินทางเยือนเอเชียของเขา และได้กล่าวยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็นหนึ่งในข้อตกลงสันติภาพทั่วโลกหลายฉบับที่เขาได้ผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เขาเชื่อว่าน่าจะทำให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
แต่เมื่อวันจันทร์ (10) ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ประกาศระงับการใช้ข้อตกลงนี้ หลังจากเกิดเหตุทหารไทยผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเหยียบกับระเบิดซึ่งฝ่ายไทยกล่าวหาว่าทางกัมพูชาเป็นผู้ลอบมาวางไว้ และทั้งสองฝ่ายได้กล่าวหากันและกันเกี่ยวกับการปะทะกันครั้งใหม่ในวันพุธ (12) ซึ่งฝ่ายพนมเปญอ้างว่ามีพลเรือนกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย
“ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โทรศัพท์หารือกับไทยและกัมพูชา เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งครั้งล่าสุดนี้” ทำเนียบขาวกล่าวในคำแถลง โดยระบุว่า “เขายังได้ร่วมมือกับมาเลเซียเพื่อช่วยยุติความรุนแรงด้วย”
ทั้งนี้ มาเลเซียในฐานะประธานของสมาคมอาเซียนวาระปัจจุบัน กำลังทำหน้าที่เป็นคนกลางในการยุติความขัดแย้งครั้งนี้ และทรัมป์ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงนี้ขณะอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
เอเอฟพีรายงานภูมิหลังของข่าวนี้ว่า การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาได้ปะทุขึ้นเป็นเวลา 5 วันในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 43 ราย และทำให้มีผู้พลัดถิ่นราว 300,000 คน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงหยุดยิง
ไทยและกัมพูชามีข้อพิพาทเรื่องพรมแดนบางส่วนมานานกว่า 1 ศตวรรษ แต่การสู้รบในเดือนกรกฎาคมเกิดขึ้น โดยที่ฝ่ายไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาได้แอบเข้ามาวางกับระเบิดซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บหลายราย
(ที่มา: เอเอฟพี, MGR Online)


