xs
xsm
sm
md
lg

ภูมิใจไทยการเมืองแบบ “มุ้งพลัส”โตพรวด!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - วราวุธ ศิลปะอาชา - สนธยา คุณปลื้ม
เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่าเดินหน้าด้วย “พลังดูด” อย่างต่อเนื่องสำหรับพรรคภูมิใจไทย ชนิดที่เรียกว่าเวลานี้ทั้ง “มุ้งเล็ก” หรือ “มุ้งใหญ่” และ “บ้านเล็ก” บ้านใหญ่ ต่างถูกพลังดูดที่ไร้แรงต้านทาน ขณะเดียวกันก็มีแบบ “สมัครใจ” ตั้งใจมาก็มีให้เห็นอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ขณะเดียวกัน ล่าสุดยังมีแนวโน้มให้เห็นในแบบล้ำหน้าไปอีกขั้นนั่นคือ แบบรวมกันเป็น “พันธมิตร” ล่วงหน้า และในอนาคตอาจหลอมรวมเข้าเป็นพรรคเดียวกันก็เป็นไปได้สูงทีเดียว

ภาพที่ปรากฏเป็นข่าว ในหน้าข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์รุนแรงแถบชายแดนไทย-กัมพูชา จนบดบังข่าวแบบนี้ไปเสียหมด แต่อย่างไรก็ดี เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาใหม่ก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่า การเมืองในอนาคตได้พัฒนารูปแบบไปอีกขั้น และเกิดขึ้นเงียบเชียบมานานล่วงหน้าแล้ว

ใช่แล้วกำลังพูดถึง “ภาพข่าว” ที่มีคนสำคัญสำหรับการเมืองภาคกลาง อย่างครอบครัว “ศิลปอาชา” แห่งสุพรรณบุรี กับครอบครัว “ปริศนานันทกุล” ในจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันก่อน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมระบุแคปชัน เป็นหัวใจสีน้ำเงิน และหัวใจสีชมพู โดยภายในภาพมีนายสิริพงศ์ ยืนร่วมกับนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย อยู่ในภาพด้วย

อย่างไรก็ดี สำหรับภาพแบบนี้มันต้องขยายความ เพราะมีความหมายทางการเมืองแน่นอน โดยเฉพาะกับความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย กำลังดึงดูด บ้านใหญ่ บรรดา “มุ้ง” การเมืองเข้าพรรคทั่วทุกภาค แต่ก่อนไปถึงตรงนั้น ก็ต้องฟังคำอธิบายจากหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าจะพูดอย่างไร

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีดังกล่าว จะมีสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ ว่า พวกนั้นเขาพรรคชาติไทยเก่า “รียูเนียน” มั้ง

เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีโอกาสร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พวกเขาเป็นคนรุ่นเดียวกัน ถ้าอะไรเกิดขึ้น พรรคภูมิใจไทยก็พร้อม ทุกคนมีความสามารถ มีคุณภาพ ไม่ใช่แค่พรรคภูมิใจไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นพรรคอะไร ก็ต้องเปิดกว้าง ขณะนี้ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที ทุกพรรค ก็ต้องมีความตื่นตัวและมีความพร้อม

นอกจากนี้ เมื่อถามว่า นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรี และบ้านใหญ่ชลบุรี มีโอกาสจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ได้คุยๆกันอยู่ ส่วนนายกอบจ. จังหวัดระยอง นายปิยะ ปิตุเตชะ หรือ นายกช้าง ก็จะมาร่วมงาน กับพรรคภูมิใจไทยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ ก่อนตอบว่า “รู้แล้วถามทำไม”

จากคำพูดดังกล่าวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้เห็นชัดเจนว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงมาก หรือ “เกือบเต็มร้อย” แล้ว ที่พรรคชาติไทยพัฒนา จะเป็นพันธมิตรกันกับพรรคภูมิใจไทยหลังเลือกตั้ง รวมไปถึงยังเป็นไปได้ที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะนำสมาชิก และส.ส.ของพรรค เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย

แต่หากพิจารณาจากความเป็นไปได้มากที่สุด น่าจะออกมาในลักษณะของการ “เป็นพันธมิตร” กันล่วงหน้า สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เพราะยังเชื่อว่านาทีนี้ นายวราวุธ คงยังต้องการรักษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เป็นเหมือนมรดกของบิดา คือนายบรรหาร ศิลปอาชา การเป็นพันธมิตรกัน ยังหมายถึงการ “หลีกทาง” ไม่ให้ตัดคะแนนกันเองในบางพื้นที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งการเมืองในลักษณะนี้ สำหรับพวกเขาที่ถือว่า โตมาจากพรรคชาติไทยมาก่อน ย่อมเข้าใจกันง่าย และ “วิน-วิน” กันอยู่แล้ว

ในทางการเมืองวันหน้า นาทีนี้สำหรับ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา การเข้ามาเป็นพันธมิตรกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะใดในสองรูปแบบดังกล่าวข้างต้น ถือว่าน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แนวทางก่อนหน้านี้ ที่เคยมีข่าวว่าเขาจะไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งนั่นเท่ากับว่ายุบพรรคชาติไทยฯ ไปอยู่ในสังกัดของ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก

แต่หากไปกับ “เสี่ยหนู” แล้ว เขาก็อาจยังรักษา“มุ้งสุพรรณฯ” เอาไว้ได้ เพราะหากยังรักษาเก้าอี้ ส.ส.ในบ้านเกิด บวกกับส.ส.ในบ้านใหญ่นครปฐม ของครอบครัว “สะสมทรัพย์” ที่ยังปักหลักไปกันแบบ“เลือดสุพรรณ” แลกกับเก้าอี้รัฐมนตรี โดยที่ไม่ต้องแบกภาระที่หนักอึ้งเกินไป สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็ถือว่าน่าจะโอเค กว่าการดิ้นรนเกินตัว

นั่นคือ ภาพของการเมืองแบบ “มุ้งพลัส” แถบสุพรรณบุรีและอ่างทอง รวมไปถึงในพื้นที่จังหวัดภาคกลางซึ่งเป็นถิ่นของพวกเขา แต่ขณะเดียวกันภาพดังกล่าว ทำให้ได้เห็นภาพการเมืองในอนาคตสำหรับพรรคภูมิใจไทย ได้ชัดเจนขึ้นไปอีก โดยจากคำพูดที่ออกมาจากปากของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เอ่ยถึงคำว่า “ยูเนียน” ออกมา

เพราะลักษณะของพรรคภูมิใจไทยเวลานี้ จากการที่มีการดึงเอาบรรดา “บ้านใหญ่” หรือ “มุ้งการเมือง” เข้ามาร่วมเต็มพรรค ความหมายก็คือไม่ต่างจาก “ยูเนียน” ที่เหมือนกับว่า เป็นการ “รวมหมู่” แบบหลวมๆ ให้อิสระต่อกัน แม้จะอยู่ในนามพรรคเดียวกัน แต่การบริหารในแต่ละมุ้ง แต่ละ “ก๊วน” ก็ว่ากันไป ดูแลกันเอง อาจมีการช่วยเหลือกันตามความจำเป็น แล้วแต่กรณีๆ ไป

หลังการเลือกตั้ง ค่อยมาว่ากันอีกทีว่า “ก๊วนไหน” มุ้งไหน ทำผลงานได้ตามเป้าหรือไม่ สามารถนำพา ส.ส.ในกลุ่มเข้ามาได้จำนวนกี่คน ถึงตอนนั้นค่อยมาคำพูดสัดส่วนอีกที ส.ส.กี่คนสำหรับโควตารัฐมนตรี รวมไปถึงรัฐมนตรีเกรดระดับไหนด้วย

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ การเมืองในลักษณ “ยูเนียน” ในพรรคภูมิใจไทย กำลังไปได้ไกล และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และตามความเคลื่อนไหวจะเห็นว่ามีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่ายังมีอีกหลายกลุ่ม และบางทีอาจมากันยกพรรคกันเลยก็เป็นไปได้สูงมาก นี่แหละ ทั้งแบบ “ยูเนียน” และ “มุ้งพลัส” ที่ยากต้านทาน เพียงแต่ว่านาทีนี้ นายอนุทิน จะสามารถฝ่าด่านเล่ห์เหลี่ยมเขมร กับปัญหาชายแดนจนสามารถสร้างคะแนนนิยม ได้หรือไม่ หากพลาดก็จบเห่ ทางใครทางมันเหมือนกัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น