“นิกร”ยันปรับ ครม.ไม่กระทบ ชทพ.เพราะพรรคเล็ก ยังหวัง “พท.-ภท.”คุยกันได้ แนะใจเย็นจะหาทางออกได้ เชื่อยังไม่ยุบสภาตอนนี้ แต่ชี้หากร่างงบ 69 ไม่ผ่านก็จบเห่
วันที่ 18 มิ.ย.นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทยเอาตำแหน่ง รมว.มหาดไทยคืน ว่า จากประสบการณ์ทางการเมืองกว่า 30 ปี เมือรัฐบาลอยู่ครบ 2 ปี มักจะมีสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นพรรคขนาดเล็กมีสส.10 คน จึงคิดว่าหากมีการปรับเปลี่ยนก็ไม่อยู่ในข่ายที่จะกระทบ เว้นแต่จะมีการรื้อ ครม.ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่มีปัญหา หากสภาฯยังอยู่ก็ยังทำงานต่อ อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวลคือยังมีกฎหมายที่สำคัญรออยู่ และสถานการณ์นี้สุ่มเสี่ยงต่อการยุบสภา หากเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำและมีการโหวตกฎหมายต่างๆ แต่ก็ยังคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคงยังมีการคุยกันได้อยู่ เพราะไม่ได้เป็นการเมืองระบบเก่าที่ข้ามฟากกันไป การเมืองตอนนี้เป็นสามเส้า อยู่จึงเชื่อว่าคุยกันได้ และหวังจะให้คุยกัน เพราะเรายังสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้มากกว่านี้
“ถ้าการเมืองอ่อนไหว ท่ามกลางปัญหาของประชาชนและปัญหาชายแดน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ทั้งนั้น เราจะหวังได้แค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าเย็นๆ ลงได้ มีทางออกได้ก็จะดี แต่อีกอันที่ผมกังวลคือเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้ครบ 180 วันแล้วสำหรับ ร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประชามติ ถ้าเดินไปข้างหน้าก็ยังทัน แต่หากเกิดมีปัญหาเรื่องความขัดแยเง หรือแย่สุดมีการยุบสภา ร่างพ.ร.บ.ประชามติ ก็จะขาดไป ก็น่าเสียดาย”นายนิกร กล่าว
นายนิกร ยังยอมรับว่า หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากรัฐบาล การทำงานของรัฐบาลก็จะลำบาก ซึ่งรัฐบาลเคยมีเสียงปริ่มน้ำมาแล้ว ทำงานลำบาก และเชื่อว่าไม่น่าจะมีการข้ามขั้วโดยพรรคประชาชนมาเป็นรัฐบาล เป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยาก การยุบสภาจะง่ายกว่า และตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องเสียงสนับสนุนจาก สว.เพราะกฎหมายต้องผ่านวุฒิสภาด้วย ดังนั้นในเชิงนิติบัญญัติหรือเชิงกฎหมายจะยากมาก และยังมีปัญหาเรื่องการฟ้องจะยุบวุฒิสภาอีก เป็นการเปิดศึกกันเต็มที่ทางการเมือง และจะโดยอะไรก็แล้วแต่จะทำให้งานสภายากมาก
ส่วนบรรยากาศเช่นนี้จะนำไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้นหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนยังหวังว่าน่าจะยังไม่ยุบสภา เพราะยังมีร่างพ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ค้างอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน ซึ่งตรงนี้จะยึดเวลา แต่หาก พ.ร.บ.งบฯผ่านตนก็ไม่รับประกันแล้ว และจะเป็นการเมืองอีกมติหนึ่งเพราะเหลือเวลาอีกปีเดียว
นายนิกร ยังเรียกร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ออกระเบียบ รอร่างพ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งขณะนี้ครบ 180 วันแล้ว และรอให้สภาฯยืนยัน แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือ ตอนนั้นพรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย และศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้ชี้ว่าต้องทำประชามติกี่ครั้ง ตนจึงหวังว่า เรื่องที่ยากจะมาแก้ปัญหาทางการเมืองได้ เช่นหากพรรคร่วมรัฐบาลตั้งลำว่าจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อาจจะมาจับมือกันทำเรื่องนี้ได้ ตนก็ยังหวังว่าจะมีการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ในนามรัฐบาล จึงหวังให้รัฐบาลจับมือกันทำเรื่องใหญ่ๆสักเรื่อง แต่เรื่องสำคัญที่สุดคือร่างพ.ร.บ.งบ69 ถ้าไม่ผ่านก็จบเห่กันหมด ตรงนี้จะเป็นทั้งตัวปัญหา และตัวประคอง เป็นทั้งไฟและน้ำ ดังนั้นเดือน ต.ค.ก็คงจะรู้กัน