xs
xsm
sm
md
lg

"อนุทิน" ร่วมพิธีต้อนรับเป็นทางการ พร้อมหารือกระชับความร่วมมือรอบด้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ อนุทิน ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการในโอกาสเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ พร้อมหารือกับนายกฯ สิงคโปร์ กระชับความร่วมมือรอบด้านครอบคลุมเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล ความมั่นคง ต่อสู้สแกมเมอร์ ยกระดับการส่งออกอาหารสู่ความมั่นคงทางอาหาร และบทบาทร่วมในอาเซียน

วันนี้ (ศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568) เวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสิงคโปร์ ซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ โดยนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ณ ห้อง Heritage ชั้น 2 กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์และรัฐบาลสิงคโปร์ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในโอกาสเดินทางเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมขอบคุณสำหรับพิธีตั้งชื่อกล้วยไม้ในช่วงเช้า และแสดงความซาบซึ้งที่นายลี เซียน ลุง ได้เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ได้แสดงความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ก่อนแสดงความยินดีที่มีโอกาสต้อนรับนายกรัฐมนตรี ในช่วงต้นของการดำรงตำแหน่ง พร้อมกล่าวว่า เฝ้ารอการเยือนของนายกรัฐมนตรีไทย หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในการประชุมอาเซียนที่มาเลเซีย และการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้


นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวต่อไปว่า การเยือนครั้งนี้มีความสำคัญยิ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสิงคโปร์ ทั้งยังสะท้อนมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างสองประเทศที่มีมาก่อนการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยยกตัวอย่างการเสด็จเยือนสิงคโปร์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระราชทานรูปหล่อช้างสำริดให้ไว้เป็นที่ระลึก และยังคงตั้งอยู่ ณ อาคารรัฐสภาเก่าของสิงคโปร์มาจนถึงปัจจุบัน พร้อมย้ำถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างประชาชนและผู้นำของทั้งสองประเทศ อันเป็นรากฐานสำคัญของความร่วมมือที่เข้มแข็งและหลากหลายมิติ พร้อมแสดงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือไทย–สิงคโปร์ให้ก้าวหน้าและมั่นคงยิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

ในวาระครบรอบ 60 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตนี้ ผู้นำไทยและสิงคโปร์ต่างเห็นพ้องว่าเป็นโอกาสสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับสูง ทั้งจากการเยือนระดับราชวงศ์ การเยือนประเทศไทยของนายลอว์เรนซ์ หว่อง เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน รวมทั้งการพบปะระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของทั้งสองประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้เชิญนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เยือนไทยในโอกาสที่สะดวกด้วย


ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่ความร่วมมือระหว่างกันมีความก้าวหน้าอย่างรอบด้าน และเห็นพ้องจะผลักดัน “ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่มองไปข้างหน้า” (forward-looking strategic partnership) เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัล และความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของอาเซียนโดยรวม
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน นายกรัฐมนตรีไทยและสิงคโปร์ต่างเห็นพ้องว่าเป็นแนวทางของอนาคต ทั้งสองประเทศมีเป้าหมายเดียวกันในการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยทั้งสองฝ่ายยินดีต่อการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นฉบับแรกของสิงคโปร์ในอาเซียน และเห็นควรให้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด สนับสนุนโครงการไฟฟ้าเชื่อมโยงระยะที่ 2 ระหว่างลาว–ไทย–มาเลเซีย–สิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมโครงข่ายพลังงานอาเซียน

ด้านเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานสีเขียว ทั้งสองฝ่ายยินดีมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุตสาหกรรมสีเขียวและสนับสนุนการลงทุนร่วมด้านเทคโนโลยีสะอาด


ด้านความมั่นคงทางอาหาร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยพร้อมเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารให้สิงคโปร์ โดยการลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการค้าข้าวในวันนี้ จะช่วยให้สิงคโปร์มีข้าวไทยคุณภาพสูงเพียงพอต่อการบริโภค ทั้งยังเสนอให้มีการหารือแนวทางลงทุนร่วมในธุรกิจเก็บรักษาและแปรรูปอาหาร และจัดตั้งคณะทำงานความมั่นคงทางอาหารร่วมกัน เพื่อกระชับความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอ model food security ที่เป็นมากกว่าการขายอาหาร แต่เป็นการขายความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นโครงการบุกเบิก (pioneer project) ระหว่างไทย-สิงคโปร์ในเรื่องนี้ต่อไป

ด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรียินดีที่สิงคโปร์เป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และต้องการให้แนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป พร้อมยินดีต้อนรับนักลงทุนสิงคโปร์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ไบโอเทค และ Data Center โดยนายกรัฐมนตรียังมีกำหนดกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน SET Government Roadshow 2025 เพื่อเชิญชวนนักลงทุนสิงคโปร์เพิ่มการลงทุนในประเทศไทยในช่วงบ่ายวันนี้อีกด้วย


ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยขอบคุณสิงคโปร์ที่สนับสนุนการเข้าร่วมภาคีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) และเห็นควรทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรฐานสากลด้านการค้าออนไลน์ที่เอื้อต่อประเทศขนาดกลางและขนาดเล็ก นอกจากนี้ ไทยในฐานะประธานคณะเจรจา จะผลักดันให้ลงนามกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) สำเร็จภายในปีหน้า โอกาสนี้ ไทยและสิงคโปร์ยังหารือถึงแนวทางในการเพิ่มความร่วมมือด้านพัฒนาทักษะดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัล ความมั่นคงไซเบอร์ และการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมทั้งเชิญชวนบริษัทสิงคโปร์ลงทุนในโครงการไทยแลนด์ดิจิทัลวัลเลย์ (Thailand Digital Valley) ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีด้วย

ความร่วมมือด้านฟินเทค ไทยและสิงคโปร์ยินดีกับความสำเร็จในการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามพรมแดน ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ของไทย และระบบเพย์นาว (PayNow) ของสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบในภูมิภาค และกำลังขยายผลสู่ประเทศอื่นภายใต้โครงการ Project Nexus ที่มี 5 ประเทศเข้าร่วม


ด้านสาธารณสุข ทั้งสองฝ่ายยินดีต่อการลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาศักยภาพผู้นำด้านสาธารณสุขเพื่อการดูแลผู้สูงอายุในเมือง ในวันนี้ ซึ่งจะเปิดโอกาสความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบสาธารณสุข การแพทย์ป้องกันโรค

ด้านแรงงาน ไทยพร้อมร่วมมือกับสิงคโปร์ในการพัฒนาศักยภาพบุคลากร รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต โดยเฉพาะทักษะดิจิทัลและเทคโนโลยีสีเขียว

ด้านความมั่นคง ไทยและสิงคโปร์เห็นพ้องที่จะคงความร่วมมือด้านการฝึกทางทหารและการใช้สถานที่ฝึกของกองทัพสิงคโปร์ในไทย พร้อมหารือความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การลงทุนร่วม วิจัยเทคโนโลยีทางทหาร และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้


ด้านการต่อต้านอาชญกรรมข้ามชาติ นายกรัฐมนตรีได้ขอรับความร่วมมือในการทำงานร่วมกับสิงคโปร์อย่างใกล้ชิดในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับนานาชาติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ และขอให้สิงคโปร์เป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งกับไทยในการแก้ไขปัญหานี้ รวมถึงขยายเครือข่ายข่าวกรอง การฝึกอบรม และปฏิบัติการร่วมกัน

ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ไทยและสิงคโปร์เห็นพ้องที่จะร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียนให้สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและการแข่งขันของมหาอำนาจ โดยต่างเห็นพ้องว่า อาเซียนควรเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจโลกในเอเชีย ซึ่งขณะนี้อาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก มี GDP รวมกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าควรเร่งส่งเสริมการเชื่อมโยงทางถนน รถไฟ ทางอากาศ ทางทะเล ดิจิทัล และพลังงาน เพื่อปลดล็อกศักยภาพของภูมิภาค ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน กับจีน รวมถึงอินเดีย

ความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า “Joint Declaration” ที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนาม จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินการใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การแก้ไขปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ และการจัดการปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ พร้อมขอบคุณสิงคโปร์ที่ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยสันติวิธี






























กำลังโหลดความคิดเห็น