ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ทางรอดสุดท้ายของ "โจ๊ก" งัดสารพัดวิชามาร สร้างสถานการณ์ถูกรุมกลั่นแกล้ง เพื่อกรุยทางไปสู่สิ่งนี้ !?
ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวที่ธรรมดาแน่นอน ที่ “4 องค์กรตำรวจ” อันได้แก่ สมาคมตำรวจ, สมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ, ชมรมพนักงานสอบสวน และชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ นำโดย “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” นายกสมาคมตำรวจ “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และ “พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา” นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะออกโรงมาพร้อมกัน ยื่นหนังสือถึง ถึง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการทางวินัย และอาญากับ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. และ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม "คู่หูคนนินทา หมาดูถูก"
นั่นหมายถึง พฤติการณ์ของทั้ง “โจ๊กและอัจฉริยะ” ช่วงนี้ได้เพาะสร้างศัตรูกับตำรวจ และองค์กรตำรวจแทบจะทั้งหมดไปแล้ว
ถามว่า “โจ๊ก”พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ทำไปเพื่ออะไร!? เพราะไม่มีใครจะอยากเป็นศัตรูกับทุกคน -ทุกองค์กร
งานนี้มีเบื้องหลัง ว่ากันว่า “โจ๊ก” คิดสะระตะแล้ว คดีความต่างๆที่รุมเร้าอยู่กำลังถึงจุดชี้ชะตา
คดีของ"โจ๊ก" ที่ป.ป.ช. เรื่องแสดงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ แว่วว่าอนุกรรมการพิจารณาแล้วเสร็จเรียบร้อย รอเสนอเข้าบอร์ดชุดใหญ่ ในเร็ววันนี้
สองสถานที่จะเป็นไป คือ "มีมูล" หรือ "ไม่มีมูล” จะได้รู้กัน หาก"มีมูล" ป.ป.ช.ก็จะไปต่อที่อัยการพิจารณาส่งชั้นศาล...ซึ่งโจ็ก ก็รู้ชะตาดีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
อีกคดีที่ชี้ชะตา และเป็นที่มาที่ “โจ๊ก” ต้องทำทุกอย่างเพื่อพลิกสถานการณ์ก็คือ “คดีให้ออกจากราชการ” ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
หากมติของตุลาการศาลปกครองออกมาไม่เป็นคุณกับ “โจ๊ก”... เจ้าตัวรู้ดีว่าตัวเองจะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะคำสั่ง "ไล่ออก" จะนำไปสู่ "ถอดยศ" ในที่สุด
จากยศ "พล.ต.อ." จะกลายเป็น "นาย"
จากนายตำรวจนอกราชการ จะเป็นแค่ "นายสุรเชชษฐ์" ประชาชนคนธรรมดา ซึ่งคนอย่าง "โจ๊ก"ทำใจไม่ได้ และ กลัวที่สุด
เพราะฉะนั้น ในช่วงเวลาที่ยังมีอยู่ "โจ๊ก" จึงวางแผนทำทุกอย่างไม่เลือกวิธีใช้ แทนที่จะเตรียมหลักฐานชี้แจงข้อมูลสู้คดี กลับเลือกวิธี "ฟ้อง" และ "แฉ" ดังที่ปรากฏออกสื่อ
ล่าสุดก็ไปยื่นข้อมูลต่อ "คนคุ้นเคย" รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร อ้างให้ตรวจสอบการรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ ของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ 4 หรือ PCT4
ทั้งหมดนี้คือเกมที่ “โจ๊ก” วางไว้
แต่ยิ่งใช้วิธีนี้ ก็ยิ่งทำตัวเองให้ถลำลึกในปลักโคลนสีดำ เพราะสิ่งที่แฉย้อนกลับมาเผาทำลายตัวเอง
ที่สำคัญตัวเอง "ขว้างงูไม่พ้นคอ" เพราะพฤติกรรมในอดีต ตลอดจนข้อกล่าวหาหลักฐานต่างๆ ที่กล่าวหาตำรวจ และ องค์กรนั้น มันก็ตวัดรัดพันตัวเองเช่นกัน
“โจ๊ก” เองก็รู้ดีเมื่อใช้ "วิชามาร"แบบนี้สู้ ย่อมต้องรอรับผลการกระแทกกลับ นั่นคือ ปฏิปักษ์ของโจ๊ก ก็ยิ่งมากขึ้นๆ
ดังที่ตอนนี้ก็ประสบผล กำลังพลสองแสนกว่านายของตำรวจ “ไม่เผาผี” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แน่นอน
แต่..นี่เป็นที่ต้องตั้งข้อสังเกตว่า แล้ว “โจ๊ก” ทำไมยังเคลื่อนไหวดันทุรัง ใช้สารพัดวิชามารเข้าสู้
เพราะต้องการสร้างสถานการณ์-ภาวการณ์ ให้สาธารณะชนได้เห็นว่า นี่ไง!..ทั้ง สตช.- ป.ป.ช.- ศาลปกครองสูงสุด -องค์กรตำรวจ ทุกองคาพยพ รุมกลั่นแกล้งตัวเอง
ตัวเขา “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์” เป็นตำรวจที่ดี มีอนาคต แต่เพราะรู้มาก รู้เห็นความสกปรกโสมมในองค์กร โดยเขาถึงกับบอกว่า เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุด ตอนที่มีอำนาจก็ปราบปรามไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม จึงทำให้ "คนดี" แบบตัวเขาเองอยู่ไม่ได้ ต้องถูกกำจัดทิ้ง ถูกตัดอนาคต
ที่ผ่านมาเขาจึงพยายามใช้กฎหมาย พึ่งพากระบวนการยุติธรรม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม!
ทั้งหมดทั้งมวล “โจ๊ก” คำนวณไว้แล้ว แผนทั้งหมดเพื่อกรุยทาง ...เพียงแต่รอให้สถานการณ์ที่สร้างสุกงอม
หากสถานณ์สุกงอม ทางออกสุดท้ายที่ “โจ๊ก” เตรียมไว้ คืออะไร!?..
ปริศนาข้อนี้หลายคนสงสัย และพยายามคิดหาคำตอบ
...เป็นไปได้หรือไม่ว่า “โจ๊ก” จะใช้วิธี "ขอลี้ภัย" ไปต่างแดน เป็นทางรอดสุดท้าย !?
++ ย้อนเส้นทางสีเทา “สส.ชนนพัฒฐ์” เเห่งสงขลา เคยเป็น…คนของใคร?!
ยามนี้ สส.ที่ขึ้นชื่อว่าดังที่สุด เเม้จะเพิ่งมาเป็น สส.สมัยเเรก เมื่อปี 2566 คงไม่พ้น “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” สส.เขต 4 สงขลา พรรคกล้าธรรม
บนคดีสเเกมเมอร์…เว็บพนันออนไลน์ ที่หลายคนรู้จักในนามว่า “สส. ช. สเเกมเมอร์”
“ชนนพัฒฐ์” เป็นชื่อใหม่ของ “สส.กฤต” ที่คนสงขลาคุ้นเคย อายุ 36 ปี มีทรัพย์สินของตัวเองเเละภริยา ที่เเจ้งต่อ ป.ป.ช. คือ ราว 96 ล้านบาท เเบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ , โรงงานผลิตเสื้อกีฬา , โรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมไปถึงธุรกิจเปิดให้เช่าเรือท่องเที่ยว เเละ “สส.กฤต” ยังเคยเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครศรีฯ ยูไนเต็ด มาระยะหนึ่ง ก่อนส่งให้ภริยาดูเเล
ตัวเขา เเละพวก เคยถูกตำรวจจับกุม ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 แต่ได้รับการประกันตัวในอีกสองวันต่อมา
“พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” รองจเรตำรวจ ในฐานะหัวหน้าชุด PCT 4 ที่จับกุม “สส.กฤต”ในตอนนั้น บอกว่า คดีพนันออนไลน์ เเละฟอกเงินนั้น มี 3 โรงพัก คือ สภ.เมืองสงขลา/สภ.หาดใหญ่/สน.เพชรเกษม รับผิดชอบ
เเปลว่า 3 โรงพักนี้ กุมสำนวนของ “สส.กฤต” ไว้ เพราะคดีเว็บพนัน เเละฟอกเงิน ใน 3 พื้นที่โรงพักดังกล่าว โยงใยกันเเละกัน โดย “สส.กฤต” คือตัวละครหลัก เเละรอเคาะว่าจะส่งฟ้องศาล หรือไม่ เเปลว่า นาทีนี้คดียังพันตัว สส.กฤต อยู่
โดยข้อมูลของ “พล.ต.ท.ไตรรงค์” ระบุนั้น ยืนตรงข้ามสิ่งที่ “สส.กฤต” อ้างว่า ตนหลุดคดีเหล่านั้นเเล้ว
ส่วนข้อมูลที่ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์”กับ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” ออกมากระจายข่าวช่วงนี้ว่า “สส.กฤต” อัดเงินจำนวนมากให้ตำรวจ เพื่อให้ไม่มีชื่อเป็นผู้ต้องหานั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ซัดกลับว่า ไม่เป็นจริงเเม้เเต่นิดเดียว!
หากไล่ตรวจเส้นทางการเมืองของ “สส.กฤต” ต้องย้อนไปปี 2562 จ.สงขลา มี สส. 8 เขต ตอนนั้น พรรคพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ สส.เขต 4 เขต ประชาธิปัตย์ได้ 3 เขต ภูมิใจไทยได้ 1 เขต เเละ ยามนั้น ไร้ชื่อ “สส.กฤต” เป็นผู้เเทนราษฎร
ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล พื้นเพเป็นชาว อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นคนหนึ่งที่ช่วย “ลุงป้อม” ไปหาคนมาลงเเข่งขัน เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐ ในปี 2562 จนมี สส.เพียงพอกับการเป็นเเกนนำตั้งรัฐบาล
ต่อมาต้นปี 2566 “ผู้กองนัส” กลับมาช่วยงาน “ลุงป้อม” อีกครั้ง หลังจากเเยกไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย เพราะโดนสส.ปีกลุงตู่ บีบไล่ เเละ เมื่อ “ลุงป้อม” งัดกับ “ลุงตู่” ว่าใครจะเป็นเเคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 2566 ของพรรคพลังประชารัฐ เพราะทั้งสองลุง อยากขึ้นเป็น เบอร์1 ทำเนียบรัฐบาล
สุดท้าย “ลุงตุู่” ย้ายไปสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ เเละหิ้ว สส.ไปด้วยจำนวนหนึ่ง ว่ากันว่า “โจ๊ก” ยังรับบทดูเเล จ.สงขลา ให้ “ลุงป้อม” ในพื้นที่บ้านเกิดต่อไป
เเว่วว่า “โจ๊ก” ที่กลับมาติดปีกในย่านปทุมวัน ในช่วงนั้นกำลังเรืองอำนาจ หาก “ลุงป้อม” ขึ้นเเท่น สร.1 เก้าอี้พิทักษ์ 1 ก็ต้องเป็นของ“โจ๊ก”ในเวลาต่อมาเเน่นอน
การเลือกตั้งปี 2566 สส.สงขลา มี 9 เขต ปรากฏว่า พรรคสีฟ้า คว้าไป 6 เขต พรรคสีน้ำเงินได้ 1 เขต พรรคลุงป้อม ได้ 2 เขต หนึ่งใน สส.หน้าใหม่ ที่เบียดเข้าวินเป็น สส.เขต 4 สงขลา นั้น คือ “สส.กฤต” ในเสื้อพรรคลุงป้อม ซึ่ง “บิ๊กโจ๊ก” เป็นคนไปคว้ามาลงสมัคร
เเละในวันนั้นพบว่า อดีต สส.ของพรรคสีฟ้าคือ “ชัยวุฒิ ผ่องเเผ้ว” เเละ สส.ปี 2562 คือ “ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี” ที่เคยอยู่กับ ลุงป้อม เเต่เมื่อย้ายตามลุงตู่ ไปในเที่ยวล่าสุดนั้น ผลคะเเนนวันนั้น อดีต สส.สองคนนี้ พ่ายให้กับ “ชนนพัฒฐ์ ” จากพรรคพลังประชารัฐ ไปเเบบคนงงทั้งสงขลา โดย “ชนนพัฒฐ์” ได้ 32,320 คะเเนน “ชัยวุฒิ” ได้ 29,799 คะเเนน “ร.ต.อ.อรุณ” ได้ 9,951 คะเเนน
จนมีข่าวลือว่า ตอนนั้น กระสุนสะพัดใน อ.ระโนด อ.กระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ อ.สิงหนคร (เฉพาะ ต.ม่วงงาม ต.บางเขียด ต.ชะแล้ ต.รําแดง และต.วัดขนุน ) เเบบเเจกสะบัด จากใครบางคน
เเต่กลับไม่พบการเเจ้งความ ข้อหาซื้อสิทธิ ขายเสียง ในเขตดังกล่าวเลย !?! จนหลากพรรคขยาดการสาดกระสุนเเบบไม่ยั้งมือเยี่ยงนี้ ว่ามีอะไรคุ้มครอง...ให้เเคล้วคลาด คดีซื้อเสียง
ดังนั้นไม่ต้องเเปลกใจว่า ทำไม “อัจฉริยะ” กับ “บิ๊กโจ๊ก” ถึงรู้พฤติกรรมของ “ชนนพัฒฐ์” ดีนัก
เเละไม่ต้องสงสัยว่า “สส.กฤต” ทำไมไม่ตอบโต้ “บิ๊กโจ๊ก” ที่เล็งเป้าถล่ม “สส. ช. สเเกมเมอร์” เเบบไม่ยั้ง...
เพียงเท่านี้ สังคมก็น่าจะอ่านอะไรได้บ้างเเล้ว กับลีลาของใครบางคน ที่สวมบทปัญญาชนจอมปลอม ในยามนี้ กับสิ่งที่ปรากฏล่าสุด ในเเวดวงการเมือง เเละ ตำรวจสีเทา


