เมืองไทย 360 องศา
การลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา แม้จะอ้างเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็เป็นสัญญาณให้เห็นว่านับจากนี้ไป พรรคการเมืองพรรคนี้กำลังหมดยุคของคนในครอบครัว“ชินวัตร” ขณะเดียวกันกำลังมีคนจากครอบครัวอื่นเข้าสวมแทน ซึ่งกำลังถูกจับตาก็คือ “กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจ” ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นั่นแหละ
ก่อนหน้านั้นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ให้เหตุผลสั้นๆ สำหรับการลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในจดหมายที่เผยแพร่ว่า เป็นการเริ่มต้นยกเครื่องพรรคเพื่อไทย ตามที่ประกาศไว้เมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ กล้าหาญในการเปลี่ยนแปลง เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
“ดิฉันเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนแปลงพรรคเพื่อไทยต้องเริ่มต้นโดยเร็วที่สุด ดิฉันจึงเลือกการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคยกเครื่องได้อย่างอิสระ และสร้างพรรคใหม่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ดิฉันลาออกในวันนี้ แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และจะร่วมกับพวกเราทุกคน สร้างพรรคเพื่อไทยยุคใหม่ ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชน และทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อประเทศชาติที่รักของเราทุกคน”
แน่นอนว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยเวลานี้ถึงเวลาที่ต้องมีการยกเครื่องใหม่แบบทันที เนื่องจากกำลังอยู่ในภาวะเสื่อมถอยอย่างหนัก โดยเฉพาะกลายเป็นว่าเวลานี้ “ชินวัตร” กำลังถูกมองว่ากลายเป็น “ตัวถ่วง” หรือตัวสร้างปัญหาให้กับพรรคเสียแล้ว
ที่เห็นได้ชัดก็คือ หากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ยังคงนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ต่อไป หลังจากที่เธอถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องความผิดด้านจริยธรรมร้ายแรง ย่อมจะส่งผลต่อความเสี่ยง เรื่องสถานะของผู้สมัคร ส.ส.ในนามพรรคในอนาคตหรือไม่ เนื่องจากจะต้องผ่านการลงนามรับรองจากหัวหน้าพรรคที่มีปัญหาเรื่องความผิดด้านจริยธรรม
มีรายงานว่า สาเหตุที่น.ส.แพทองธาร ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค สืบเนื่องจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ เมื่อวันที่29 ส.ค.ให้ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะขาดคุณสมบัติฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนา ซึ่งในการเลือกตั้งสส. หัวหน้าพรรคจะต้องไปเซ็นรับรองผู้สมัคร จึงทำให้ในอนาคตอาจจะมีผู้ไปร้องต่อศาลหรือองค์กรต่างๆ ได้ ซึ่งหากมีผู้ไปร้อง ผู้สมัครก็จะไม่สามารถสมัครได้ จึงถือเป็นการป้องกันไว้ล่วงหน้า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ หรือความเสียหายต่อพรรคในอนาคต
ขณะเดียวกันสำหรับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เองที่ถูกมองว่า “ไม่มีอนาคต” ไม่มีจุดขาย ทั้งในเรื่องวิสัยทัศน์ ผลงานทั้งในปัจจุบัน และในอนาคต ไม่มีอะไรโดดเด่นแม้แต่นิดเดียว มีเพียงแค่เป็น ลูกของนายทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ซึ่งอย่าว่าแต่ตัวลูกเลย ต่อให้เอานายทักษิณ ตัวพ่อมาขายในเวลานี้ ก็คงไม่ได้รับความสนใจแบบเดิมแล้ว เนื่องจากยุคสมัยเปลี่ยนไปแทบจะสิ้นเชิงแล้ว ถึงได้บอกว่า คำว่า “ชินวัตร” ไม่ได้เป็นจุดขายหลักอีกต่อไปแล้ว
อีกทั้งอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องรีบลาออก ของน.ส.แพทองธาร ก็คงเป็นการ“สกัดเลือดไหลออก” เนื่องจากเวลานี้ ทั้งส.ส.และ “เจ้าของพรรค” ต่างต้องการความชัดเจน ว่าจะอยู่หรือไป โดยเฉพาะต้องการคำตอบจากบรรดาส.ส.หรือ “กลุ่มบ้านใหญ่” ระดับเกรดเอ ที่มีการส่งสัญญาณมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจน ก่อนที่การเลือกตั้งกำลังจะเริ่มขึ้นเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงครอบครัวชินวัตรในพรรคเพื่อไทย จากสายตาภายนอกที่ถูกมองว่ากำลัง “หมดสภาพ” ลงไปเรื่อยๆ แล้ว คำถามก็คือ แล้วใคจะมาแทน ก็ต้องตอบแบบ “สองขยัก” นั่นคือ ในเวลาอันใกล้นี้ กลุ่มที่เข้ามา“รับช่วงต่อ” มองเห็นชัดก็คือ “กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจ” ที่นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เวลานี้ก้าวมาเป็น “ผู้อำนวยการเลือกตั้ง” ของพรรคเพื่อไทย แต่ลักษณะจะออกมาในโทน“อำนาจการบริหาร” จัดการภายในพรรคมากกว่า ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคโดยตรง เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า “ขายไม่ได้” โดยจะเป็นลักษณะ “สนับสนุนคนอื่น” มานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ซึ่งนาทีนี้ เป็นไปได้ว่าจะเลือกมาจาก “คนใน” พรรคมากกว่าคนนอก ที่ยังหาได้ยากในช่วงเวลาและสถานการณ์แบบนี้
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาบทบาทของครอบครัวชินวัตร ก็น่าจะยังมีบทบาทต่อไป แต่ลักษณะจะเป็นแบบ “ไม่ใช่บทบาทหลัก” ที่ชี้นำเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เพราะบทหลักถูกดึงไปที่ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ไปแล้วนั่นเอง ซึ่งหมายรวมถึง “กระสุน” อีกด้วย ที่ต้องเปลี่ยนมืออีกด้วย
แม้ว่าที่ผ่านมา นายสุริยะ ยืนยันว่า ยังให้ควาเคารพนับถือครอบครัวชินวัตร ตั้งแต่นายทักษิณ น.ส.แพทองธาร รวมทั้งคนอื่นๆ และตัวเขาก็อยู่มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ที่นายทักษิณก่อตั้งมา ได้รับความกรุณาให้เป็นเลขาธิการพรรค
“คงไม่รับ เพราะขณะนี้คงต้องหาคนรุ่นใหม่ เนื่องจากอายุมากแล้ว ซึ่งทางพรรคคงพิจารณาถึงบุคคลที่เหมาะสม เพื่อจะนำพาพรรคไปสู้ศึกการเลือกตั้ง” นายสุริยะกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ จะลบภาพตระกูลชินวัตรออกจากพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทย มีความผูกพันกับตระกูลชินวัตร ซึ่งเราต้องยอมรับข้อเท็จจริงตรงนี้ โดยในอดีตที่ผ่านมานายทักษิณ เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นมา และประชาชนก็ให้การสนับสนุนมาตลอด เพราะนายทักษิณ ได้ทำเรื่องที่เป็นคุณูปการ ทั้งเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง การดำเนินนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นที่พึงพอใจของประชาชน และหลังจากนั้นเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ทั้งหมดก็ลงเอยด้วยการปฏิวัติ
“เราคงปฏิเสธตระกูลชินวัตรไม่ได้ เพราะสร้างคุณูปการให้กับพรรคเพื่อไทย แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง จากนี้ไปทางพรรคจะหาบุคคลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร ซึ่งเป็นคนภายในพรรค แต่ไม่ได้อยู่ในตระกูลชินวัตร เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค”
ดังนั้นหากพิจารณาจากสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ถือว่ากำลังมีการ “ผ่องถ่าย” อำนาจการบริหารภายในกันใหม่ แม้ว่าในความเป็นจริงยังต้องเชื่อมโยงกับครอบครัว “ชินวัตร” กันต่อไป แต่บทบาทการนำจะค่อยลดลงตามสภาพ เพราะ“จุดขายเริ่มถดถอย” ไม่ได้รับความนิยมเหมือนเดิม อีกทั้งยังไม่มีตัวเลือกที่น่าสนใจอีกแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้วการเข้ามา “สวม” ของกลุ่ม“จึงรุ่งเรืองกิจ” ของนายสุริยะ ถือว่าเหมาะเจาะมากที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็เป็น “จุดเชื่อมต่อ”เพื่อรักษาสภาพเอาไว้ให้ดีที่สุด ในภาวะเร่งด่วนเฉพาะหน้า ในช่วงเลือกตั้งเร็วๆ แบบนี้ !!


