“พล.ท.อดุลย์” ย้ำ ปัญหาชายแดนไม่ใช่เรื่องของกองทัพฝ่ายเดียว ต้องใช้ทั้งการทูต-เศรษฐกิจ-ข้อมูลข่าวสาร ตอกกลับเสียงวิจารณ์ “ทหารชายแดนกินแต่มาม่า” ชี้ ศักดิ์ศรีอยู่ที่การปกป้องชาติ ไม่ใช่กินดีอยู่ดี ประกาศหนักแน่น “ไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ขอคนไทยส่งกำลังใจแทนการบั่นทอนขวัญทหารแนวหน้า
พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาชายแดน โดยยืนยันว่า ตนรับราชการทหารอยู่พื้นที่ชายแดนมาตั้งแต่เรียนจบ เคยนำกำลังเข้าปะทะกับทหารกัมพูชาเมื่อปี 2524 จึงเข้าใจบริบทปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ดี แต่ยอมรับว่า ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก เกินกว่าที่กำลังทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงจะรับมือได้เพียงลำพัง
พล.ท.อดุลย์ กล่าวว่า ต้องใช้หลายมิติแก้ปัญหาร่วมกัน มิติการทูต เมื่อ 26 ก.ย. รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวในที่ประชุมยูเอ็น ถือเป็นการแสดงเชิงรุกที่สำคัญ และควรดำเนินการต่อเนื่อง มิติข้อมูลข่าวสาร สื่อโซเชียลถูกใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือน ยั่วยุ และเก็บหลักฐานไปต่อสู้ในเวทีโลก หากคนไทยเชื่อตามนั้น “ก็เท่ากับทำลายชาติ” พล.ท.อดุลย์ เตือน
รมช.กลาโหม ยกตัวอย่างโพสต์เฟซบุ๊กของผู้สื่อข่าวสายทหาร วาสนา นาน่วม ที่เล่าถึงสภาพทหารชายแดนต้องกินมาม่า ปลากระป๋อง และได้ดื่มน้ำเพียงวันละ 3 ขวดเล็ก พล.ท.อดุลย์ กล่าวว่า ทหารไทยกินมาม่า ปลากระป๋อง ในบริเวณชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่ที่เผชิญหน้ากัน ตนถือว่าดีที่สุดแล้ว ที่พูดได้เพราะเคยผ่านมาแล้ว ไม่มีใครที่จะเอาเสบียงไปส่งโดยรถส่งเสบียง น้ำวันละขวดก็เยอะแล้ว
”ความภาคภูมิใจไม่ได้อยู่ที่การกินอาหารดีๆ แต่อยู่ที่การรับใช้ชาติ ปกป้องอธิปไตยของชาติ ตรงนั้นมากกว่า ไม่มีใครไปเรียกร้องหาอาหารดีๆ หรอกครับในสถานการณ์แบบนั้น ที่ผมยืนยันเพราะผมปฏิบัติเองมาตั้งแต่ยศร้อยตรีจนถึงยศพลโท”
มิติเศรษฐกิจ ไทยกดดันกัมพูชาด้วยการปิดด่านชายแดนที่เป็นแหล่งบ่อนพนัน คอลเซ็นเตอร์ และท่อน้ำเลี้ยงกองกำลัง หากบ่อนไม่สามารถเปิด ระบบการสนับสนุนย่อมลำบากลง แม้ยอมรับว่าประชาชนที่ค้าขายได้รับผลกระทบ แต่ขอให้คนไทยกว่า 70 ล้านคน ช่วยกันอุดหนุนสินค้าในประเทศ ผ่านช่องทางออนไลน์หรือช่องทางอื่น เพื่อประคับประครองสถานการณ์ร่วมมือกัน ไทยต้องช่วยไทย
”ผมเข้าใจในความอึดอัดของประชาชน แต่ขอให้ใจเย็นๆ ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่แล้ว เราคงไม่ต้องมาพูดกันในที่นี้ ยืนยันการรบกันไม่ใช่เรื่องยาก อาชีพทหารไม่ได้เหมือนอาชีพนักธุรกิจ ท่านกำไรขาดทุนปีหน้าเริ่มใหม่ได้ แต่พวกผมทหารแพ้คืออธิปไตยของชาติ ตาย บาดเจ็บ ลูกเมียอยู่ลำบาก มันเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจ ขอให้เข้าใจ แต่ผมขอให้ความเชื่อมั่นว่ากองทัพจะไม่ยอมเป็นอันขาด แผ่นดินไทยต้องเป็นของไทย เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ผมอยากจะขอกำลังใจจากพวกเราไปถึงน้องๆ ทหารที่อยู่ชายแดน ให้กำลังใจเขาเถอะครับ อย่าไปตอกย้ำคิดแล้วไปบอกเขาว่าทำไมไม่ดูแลลูกน้องมันจะบั่นทอนความรู้สึกของผู้บังคับหน่วย และยืนยันว่า “ไทยรักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด” พล.ท.อดุลย์ กล่าว