“อนุทิน” ลุกสวนกลางสภา ปัดสัมพันธ์ลับผู้นำเขมร ลั่น “ไม่มีดีล ไม่มีลุง มีแต่เพื่อน” เล่าถูกบีบพ้น มท.1 เพียงเพื่อให้เพื่อไทยได้กระทรวงคืน ย้อนถาม “มหาดไทยทำให้ชนะเลือกตั้งตรงไหน?” ซัดกลับฝ่ายค้าน อย่าเรียกดรามา เพราะนี่คือข้อเท็จจริงที่ตนอยู่ตรงนั้น ยืนยันไม่เคยคิดแทรกแซงคดี ย้ำ ไม่เกิน 31 ม.ค. 69 ยุบสภาแน่นอน ลั่นไม่ช่วยใครทำผิดกฎหมายแม้แต่คนเดียว!
วันนี้ (30 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจง น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยกรณีที่ตั้งข้อสังเกตความสัมพันธ์ส่วนตัวของตนกับผู้นำประเทศกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไม่เคยมีสัมพันธ์อะไรส่วนตัว ตนได้พบกับผู้นำกัมพูชาครั้งแรก อย่างเป็นทางการ เมื่อติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปเยือนกัมพูชาเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
“ที่บอกว่า มีการตกลงอะไรเบื้องหลังมาก่อน ผมยืนยันไม่มี เต็มที่ที่ผมมี คือ เพื่อนที่รู้จักกัน ไม่มีผู้มีอำนาจอะไรในรัฐบาลแห่งนั้น ไม่มีลุง มีแต่เพื่อน ไม่พูดถึงแม้แต่การบริหารราชการแผ่นดิน หรือเสนอแนะอะไรที่ใช้สัมพันธ์ส่วนตัว ผมรู้สึกตกใจว่า เมื่อผมกลับมาแล้วจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร เยือนกัมพูชา เพื่อนๆ ของผมที่รู้จักกันโทรศัพท์บอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เพราะเขาไปแจ้งผู้นำของเขาว่าไม่ต้องคุยอะไรกับเขามากหรอก เพราะจะปลดจาก มท.1 อยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้อะไร เพราะข้อมูลที่ผมจะเชื่อต้องได้รับแจ้งจากนายกฯของผมในเวลานั้น แต่ในที่สุด ผมได้รับการแจ้ง เมื่อ 17 มิ.ย.” นายอนุทิน ชี้แจง
นายอนุทิน ชี้แจงต่อว่า ตนได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ ว่า พรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน และขอให้ตนไปเป็นรมว.สาธารณสุข ตนแจ้งกลับไปว่าเปรียบเสมือนเป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ตนปฏิเสธ ให้บอกตรงๆ เลยว่าจะให้ออกจากรัฐบาลดีกว่า แต่อดีตนายกฯรักษามารยาทมาก บอกว่าอยากให้อยู่ แต่ไม่ให้อยู่มหาดไทย ซึ่งตนถามว่า ทำไมถึงให้ไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข ตนทำอะไรผิด ทั้งนี้ตนเป็นรัฐมนตรีคนเดียวใน ครม.ของ น.ส.แพทองธาร ที่ยืนคียงข้างในทุกๆ ขณะ ไม่ว่าวันดีหรือวันร้าย ปกป้องให้ข้อเท็จจริง
“อดีตนายกฯ ทราบดีแต่ท่านบอกว่า ใกล้เลือกตั้งแล้วเพื่อไทยต้องได้มหาดไทย ผมจึงบอกว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้เชื่อว่าการได้กำกับมหาดไทยจะชนะเลือกตั้ง ทั้งนี้ เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา พ่อของผมอยู่มหาดไทย ยังแพ้พรรคเพื่อไทยราบคาบ แต่ไม่มีคำตอบ แต่พูดว่าเขาจะเอามหาดไทยคืนอะ แต่ผมเชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้พูดจากความตองการในใจของตัวเอง ต้องมีคนบอกให้พูด เพราะในที่สุดเลขาธิการนายกฯของท่าน ยืนยันว่าไพ่ใบสุดท้าย คุณไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข” นายอนุทิน ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น น.ส.จิราพร ลุกประท้วงว่า นายกฯ เล่าซีนดรามากับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ที่ไม่มีโอกาสชี้แจงว่าข้อมูลแท้จริงหรือไม่ ทำให้นายอนุทิน พูดสวนขึ้นว่า “อย่ามาบอกว่าเป็นดรามา เพราะเป็นข้อเท็จจริง ผมอยู่ตรงนั้นเอามายืนยันตรงนี้เลยก็ได้ ท่านไม่อยู่ตรงนั้น ไม่ได้เกี่ยว หรือมีส่วนร่วมตรงนั้นจะบอกว่าดราม่าได้อย่าง” ก่อนที่นายมงคลจะวินิจฉัยให้นายกฯ อภิปรายต่อ
นายกฯ อภิปรายต่อว่า สุดท้ายตนได้รับการยืนยันจาก เลขาธิการนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร ที่มาหาถึงกระทรวงมหาดไทย และเป็นวันเดียวกันที่ตนฝากไปบอกอดีตนายกฯ พรรคภูมิใจไทยขอถอนตัว จากวันนั้นเป็นต้นมา บังเอิญที่มีเรื่องคลิปเสียงอังเคิล ทำให้มีความมั่นใจต่อการตัดสินใจถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่เฉพาะเชิญออกกจากรัฐบาล แต่มีเรื่องที่เสียหายต่อบ้านเมือง รัฐบาลขาดความชอบธรรมต่อการบริหารประเทศ
“เมื่อถอนตัวแล้วมีเหตุอะไรพิสดาร ผมได้รายงานตัวมาทำงานกับพรรคฝ่ายค้าน และได้หารือว่าดีที่สุดพยายามให้ยุบสภาดีกว่า แต่เมื่อ น.ส.แพทองธาร ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องหาทางออก คืนอำนาจให้ประชาชน จึงเป็นที่มาของการตกลงกันทางการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ซึ่งข้อตกลงทางการเมืองดังกล่าว ไม่ใช่ข้อตกลงของรัฐบาล แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาลจะรักษาสัญญา ไม่เกิน 31 ม.ค. 69 จะยุบสภา วันที่ 14-15 ต.ค. พรรคภูมิใจไทยเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ผมไม่สามารถชี้นำ หรือโน้มน้าว สว.ให้ร่วมแก้รัฐธรรมนูญได้ เพราะจะผิดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดีเรื่องนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตยใครเห็นด้วยก็แก้ ไม่เห็นด้วยไม่ต้องแก้” นายอนุทิน ชี้แจง
นายกฯ ชี้แจงต่อว่า กรณีที่ของการเพิ่มเสียง สส.ฝั่งรัฐบาล ตนยอมรับว่า พรรคภูมิใจไทย มี สส.เพิ่มขึ้น มาจากการชนะเลือกตั้งซ่อม จ.ศรีสะเกษ ไม่ใช่จากการดูด ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่เคยดึงหรือดูด สส. เหมือนพรรคท่านที่ทำ แต่โชคดีที่คนของพรรคภูมิใจไทยรู้ตัวและบอกว่าไม่ไปดีกว่า ดังนั้น กรณีที่ น.ส.จิราพร บอกว่า 4 เดือนจะชี้ชะตา ตนรับรองช้าสุด 31 ม.ค. 69 ยุบสภาแน่ หรืออาจเร็วกว่าด้วยซ้ำหากมีความจำเป็น และไม่ต้องรอชี้ชะตา 4 เดือน วานนี้ (29 ก.ย.) ชี้ชะตาแล้วทั้งจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคท่านด้วย
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า จะใช้อำนาจล้มคดีที่ดินเขากระโดงนั้น ตนขอชี้แจงว่า 2 อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย ในพรรคเพื่อไทยใจร้อน บอกว่า จะจัดการโดยเร็วโดยไม่อ่านหนังสือราชการทุกถ้อยคำ นึกว่าตัวเองเก๋าจึงสรุปทุกเรื่องหมด ทั้งนี้ กรรมการ รวมถึงปลัดมหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ ที่ตั้งขึ้นแทนคนเก่า บอกว่า รัฐมนตรีพูดไม่ตรงกับมติกรรมการ
“จะโทษอะไรผม คนที่ใช้อำนาจหน้าที่กดดัน คือ อดีต รมว.มหาดไทย และอดีต รมช.มหาดไทย ผมรับตำแหน่งนายกฯเกือบเดือน วันนี้ตนยังไม่ได้สั่งการใดๆ และไมต้องสั่งการ เพราะผมอยู่มา 2 ปี รู้ต้องทำตามกฎหมาย ผมอ่านข่าวผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งฟ้องเป็นรายแปลง เป็นสิ่งที่ผมต้องการ เพราะเหมารวมจะใช้เวลานาน แปลงไหนถูกต้องคืนความเป็นธรรมแปลงไหนผิดให้ยึด ขอให้จำไว้ด้วยว่า ผมไม่มีวันใช้อำนาจหน้าที่ รมว.มหาดไทย หรือ ตำแหน่งนายกฯ ที่กำกับดูแลทุกกระทรวงในรัฐบาลนี้ไปให้ช่วยเหลือใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย พวกท่านก็ช่วยไม่ได้ พวกผมยิ่งไม่ช่วย” นายกฯชี้แจง
นายอนุทิน ยังเรียกร้องให้ น.ส.จิราพร ถอนคำพูด หลังระบุว่าเป็นผู้ต้องหาคดีฮั้ว สว. ว่า ตนไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาของดีเอสไอ ขอเรียกอธิบดีดีเอสไอมาตรงนี้ และให้ถามเองว่าตนเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ กล้าหรือไม่หากผมไม่ใช่ผู้ต้องหา ต้องแถลงให้ด้วย ทั้งนี้ตนเป็นเพียงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเท่านั้น และขณะนี้ได้ตั้งทนายความศึกษาและต่อสู้คดี การรพูดแบบนั้น ตนและสว.เป็นผู้ต้องหา เป็นคำพูดที่ผิด เท่าที่ติดตามไม่มีสว.เป็นผู้ต้องหาแม้แต่รายเดียว
อย่างไรก็ตาม น.ส.จิราพร ได้ลุกขึ้นถอนคำพูดคำว่า“ผู้ต้องหา ”เปลี่ยนเป็นคำพูดว่า “ผู้ที่พัวพันในคดี” และส่อที่จะเข้ามายุบคดี หรือไม่