“ณัฐพงษ์” ชี้ ต้องดูเสียงลงมติในสภา พิสูจน์ว่า ภท.ละเมิด MOA เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากหรือไม่ หลังกลุ่มการเมืองทยอยไหลเข้าหา ยัน ปชน.ไม่ได้เป็นนั่งร้าน พร้อมใช้อาวุธฝ่ายค้าน เช่น อภิปรายซักฟอก
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 18 กันยายน ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย เรื่องห้ามไม่ให้พรรคภูมิใจไทยกระทำตัวให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่มีกลุ่มก้อนการเมืองไหลเข้ามาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ทำให้ประชาชนถูกมองว่าเป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทย
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นนั่งร้านให้กับใคร และไม่ได้เป็นนั่งร้านให้กับพรรคภูมิใจไทย เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เข้ามาทําหน้าที่ เราก็พร้อมตรวจสอบ ทั้งการอภิปรายในสภา และกลไก 151 หากมีเหตุที่ทําให้เราเชื่อได้ว่า รัฐบาลอนุทินทําผิด MOA ก็พร้อมใช้ทุกกลไกในการเดินหน้าตรวจสอบ
เมื่อถามว่า เป็นผลของ MOA ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรคภูมิใจไทย นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ตอนนี้หากมองในมุมหนึ่ง เชื่อว่า อาจจะเร็วไปที่อาจจะประเมินแบบนั้น เพราะสุดท้าย ถ้าจะดูว่าพรรคภูมิใจไทยละเมิด MOA หรือไม่ อาจจะต้องยึดการลงมติในสภาเป็นสําคัญด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องอยู่ที่พรรคประชาชนเองว่า ได้มีการดําเนินการอย่างไร เช่น หากต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา ก็ต้องมีการลงมติซึ่งการลงมติ ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยได้ละเมิดข้อตกลงหรือไม่
เมื่อถามต่อว่า ได้ประเมินกรณีกลุ่มการเมืองไหลเข้าไปยังพรรคภูมิใจไทยไว้ก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า มีการประเมินไว้อยู่แล้วก่อนหน้านี้ แต่อย่างที่บอกไปว่า หากเราเห็นตามหน้าข่าว บางทีอาจจะตัดสินไม่ได้แบบนั้น 100% เพราะการรวมขั้ว รวมกลุ่มการเมืองต่างๆ บางทีมีเรื่องของตําแหน่งรัฐมนตรี หรือตําแหน่งอื่นๆ ที่มีการต่อรองกัน แต่ยืนยันว่า เราพร้อมทําหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบ ส่วนการละเมิดหรือไม่ละเมิด MOA นั้นก็อยู่ที่เสียงในสภาที่จะมีการลงมติ
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า น้อมรับสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และระบุว่า ต้องพยายามอธิบายและทําความเข้าใจของกับสังคม เราจะเป็นนั่งร้านหรือไม่ก็อยู่ที่การทําหน้าที่ของเราถ้าเราทําหน้าที่ฝ่ายค้านเข้มแข็งอย่างเต็มที่ ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า พรรคประชาชนไม่ได้เป็นนั่งร้านให้นายอนุทิน หรือพรรคภูมิใจไทย และสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่า ตกลงแล้วภูมิใจไทยละเมิดข้อตกลงหรือไม่ ต้องดูที่การลงมติในสภา และเสียง สส.
เมื่อถามว่า จะทําอย่างไรเพื่อยับยั้งการละเมิด MOA หากรออภิปรายไม่ไว้วางใจอาจช้าเกินไป นายณัฐพงษ์ระบุว่า ตอนนี้คงไม่ได้ชัดมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่ตอบได้ชัดคือ เราพร้อมใช้ทุกกลไกในสภาฯ ในการตรวจสอบ ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไร ต้องมีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่งว่า มีเหตุที่ทําให้เราต้องยื่นหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการกดดันเจ้าหน้าที่ไม่ให้ดําเนินการเรื่องกรณีเขากระโดงหรือคดีฮั้ว สว. นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เวทีแรกที่เราทําหน้าที่แน่นอนคือการอภิปรายวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หากเวทีนั้นไม่สามารถทําให้เกิดการยับยั้ง หรือมีการกระทําความผิดขึ้นมาจริง ๆ มีการใช้อํานาจที่ไม่เหมาะสมจริงๆ เราพร้อมจะใช้กลไกอื่น ๆ ที่เป็นอาวุธที่แรงมากขึ้น เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และผลการลงมติก็จะเป็นตัวตัดสินว่าตกลงแล้ว พรรคภูมิใจไทยได้ละเมิดข้อตกลงหรือไม่อย่างไร
นานณัฐพงษ์ กล่าวว่า ใน MOA ยังมีข้อตกลงส่วนอื่นๆ ที่มองว่า มีทิศทางที่ดีสําหรับประเทศ อย่างเรื่องการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ภาพรวมยังเดินไปในทิศทางที่ดีอยู่ รวมถึงการผ่านกฎหมายที่สําคัญ ๆ ให้กับประชาชนหลายๆ ฉบับ หากเราสังเกตการประชุมสภาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาค่อนข้างมีประสิทธิภาพ มีการผ่านกฎหมายต่างๆ ที่ประชาชนเฝ้ารอมานาน ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของพรรคประชาชน เราต้องการตัดสินใจผลักดันวาระก้าวหน้าให้กับประเทศ มุ่งหน้าสู่การยุบสภา การพิจารณากฎหมายก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เสียงของพรรคประชาชนในสภากํากับให้เดินหน้าไปได้