เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่า “โดนด่าเละ” ตั้งแต่อ้าปากว่าจะ “เปิดด่าน” ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเริ่มจากการขนส่งสินค้า และจะเริ่มเปิดในพื้นที่ที่เรียกว่าระดับสาม คือเป็นพื้นที่ที่ไม่มีความตึงเครียด คือแถวจันทบุรี และตราด โดยยังไม่มีการพิจารณาอนุญาตให้บุคคลข้ามแดน และอ้างว่าเป็นเพราะแรงกดดันมาจากประเทศที่ 3 ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการส่งออกสินค้าผ่านประเทศไทยไม่ได้ เพียงคำพูดแค่นี้ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ในรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็โดนถล่มเละเทะ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็โดน โดยเฉพาะในโลกโซเชียล
ท่าทีดังกล่าวของ พล.อ.ณัฐพล หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือจีบีซี สมัยพิเศษ ที่จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา และเมื่อ “โดนด่าเละ” แบบนี้ทำให้ต้องรีบแถลงชี้แจงด่วนในวันรุ่งขึ้นทันที
พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า การผ่อนปรนการผ่านแดน ยังไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ มาตรการดังกล่าว เป็นเพียงการหารือเชิงหลักการ โดยหากมีการดำเนินการในอนาคต จะผ่อนปรนเฉพาะรถขนส่งสินค้า ไม่ใช่บุคคล และต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องจำนวนเที่ยวหรือรายกรณี ขึ้นอยู่กับระดับความพร้อมและความตึงเครียดในพื้นที่
เพื่อความเหมาะสม กระทรวงกลาโหมได้กำหนด 3 โซนตามระดับความตึงเครียด ได้แก่
โซนที่ 1 : ความตึงเครียดสูงสุด (ชายแดนกองทัพภาคที่ 2 – อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์)
โซนที่ 2 : ความตึงเครียดปานกลาง (ชายแดนกองทัพภาคที่ 1 – สระแก้ว)
โซนที่ 3 : ความตึงเครียดน้อย (กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด)
โดยจะเริ่มนำร่องมาตรการผ่อนปรนในโซนที่ 3 ก่อน พร้อมมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ร่วมกำหนดรายละเอียด เช่น ประเภทสินค้า เวลาผ่านแดน และจำนวนเที่ยวรถ โดยบูรณาการ กับหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งหอการค้า กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
พลเรือตรี สุรสันต์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายสำคัญที่นายกรัฐมนตรี มอบแก่ พลเอก ณัฐพลฯ คือ ต้องปกป้องอธิปไตยชาติ พร้อมดูแลประชาชน เพราะความตึงเครียดที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อเกษตรกร ผู้ประกอบการ และครัวเรือนโดยตรง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้การเจรจาครั้งนี้เดินหน้าได้อย่างแท้จริง คือ ความจริงใจและการปฏิบัติตามข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา หากไม่มีการปฏิบัติจริง ความร่วมมือที่ตกลงกันไว้ย่อมไม่เกิดผล และจะเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายสถานการณ์
วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บรรยายพิเศษ หัวข้อ “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เพื่อการรักษาอธิปไตยของชาติ” ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา โดยช่วงหนึ่งของการซักถามมีประชาชนรายหนึ่ง ได้สอบถาม ความคิดเห็นเรื่องข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย- กัมพูชา หรือ จีบีซี ในการพิจารณาเปิดด่านชายแดน พลโทบุญสิน ตอบว่า เป็นคำถามที่คนไทยอยากทราบ ตนมองว่าคนไทยทำไมต้องมาเถียงเรื่องเปิด-ปิดด่าน เพราะ เรื่องนี้สำคัญ เพราะการเปิด-ปิดด่านส่งผลต่อเศรษฐกิจของเขมร เพราะทรัพยากรสินค้าส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย ซึ่งการปิดด่านทำให้คนไทยไม่สามารถไปเล่นการพนันได้ และทำให้คนข้ามไปเป็นสแกรมเมอร์ไม่ได้ ต้องยอมรับว่า คนไทยบางส่วนข้ามไปเขมรเพื่อไปทำหน้าที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียกับคนไทยด้วยกันเอง
แม่ทัพภาคที่ 2ระบุว่า ฝั่งนั้นมีทั้งบ่อนคาสิโน และที่หลอกลวงทางโซเชียลมีเดียตลอดแนวชายแดน สินค้าบางส่วน เช่นปูนซีเมนต์ น้ำมัน จะกลับมาทำร้ายทหารไทย การทำให้เขาไม่เดือดร้อนรบกับประเทศไทยก็อยู่ได้ เพราะเขามีกินตลอด นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องปิดด่าน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งพูดว่าผลประโยชน์ของชาติต้องมาก่อนประโยชน์ส่วนตน พี่น้องที่ค้าขายกระทบ ก็ต้องยอมรับว่ากระทบ แต่พี่น้องที่ค้าขายบางคนให้สัมภาษณ์ว่าบางท่านยอมให้ปิดด่านขอให้ประเทศไทยรบชนะเท่านั้น การเปิดด่านทำให้เขาเข้มแข็ง น้ำมันและปูนซีเมนต์ รวมถึงเครื่องอุปโภค บริโภคก็จะเข้าไป ซึ่งมาจากประเทศไทยทั้งนั้น แม้กระทั่งเรื่องการเปิดด่านมีประชาชน ถูกมอมเมาจากบ่อนการพนัน หมดเนื้อหมดตัว เป็นหนี้สิน อันนี้ก็มาจากเรื่องการเปิดด่านจึงไม่รู้ว่าเป็นประโยชน์ของใคร
“แม่ทัพฯถึงบอกเสมอว่าคิดให้ดีเรื่องด่านเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ และขอให้พวกเราติดตามข้อมูลข่าวสารรัฐบาลก็อาจจะมีเหตุผลของเขาต้องฟังว่าเป็นอย่างไร ต้องให้เรามีสติในการรับรู้ข่าวสารและช่วยกันดูแลประเทศไทยของเรา หนึ่งเสียงรวมกันก็ไปหลายเสียง นี่คือความเห็นของผม”พลโท บุญสินกล่าว
แน่นอนว่าความเห็นของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ย่อมสอดคล้องกับความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมดในเวลานี้ ซึ่งรวมไปถึงคนในพื้นที่ตามแนวชายแดน ที่ย้ำว่ายังไม่สมควรเปิดด่าน เนื่องจากไม่อาจไว้วางใจกัมพูชาได้
ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าสังเกตก็คือก่อนเดินทางไปประชุมจีบีซีสมัยพิเศษที่เกาะกง กัมพูชา ของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เขาได้เข้าพบกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และยังมีการเปิดตัว พล.อ.ณัฐพล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่อีกด้วย โดย นายอนุทิน อ้างว่าสาเหตุที่ให้ดำรงตำแหน่งต่อเนื่อง เพราะไม่อยากเปลี่ยนม้ากลางศึก พร้อมทั้งมีการมอบหมายนโยบายก่อนที่จะเดินทางไปประชุมอีกด้วย
ทั้งนี้ท่าทีของ รัฐบาล ตั้งแต่ในยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลรักษาการนำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย และในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ที่ผ่านมาล้วนมีท่าทีต้องการเปิดด่าน ทางบริเวณนี้ จนถึงจับตามองว่าเป็นพื้นที่ “ผลประโยชน์” มหาศาลจากการค้าชายแดน รวมไปถึง “บ่อนคาสิโน” แต่ขณะเดียวกันสำหรับคนไทยส่วนใหญ่กลับไม่เห็นด้วย ยืนยันให้ปิดด่านต่อไป รวมไปถึงสนับสนุนให้ “ล้อมรั้ว” แบบถาวรอีกด้วย
ดังนั้นในตอนนี้ และในอนาคตอันใกล้ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สะท้อนถึงความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ไม่ไว้ใจฝ่ายกัมพูชา ทุกอย่างไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลที่นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคภูมิใจไทย หวังจะสร้างความนิยมจากปัญหาชายแดน ก็ต้องจับอารมณ์ความรู้สึกของคนไทยในตอนนี้ให้ดี อย่าสร้างความระแวงซ้ำรอยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะตราบใดที่ทำให้เกิดความสงสัยในเรื่องผลประโยชน์ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะพังครืนในพริบตาเช่นกัน !!