เมื่อวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้จัดพิธีเปิดศูนย์เรียนรู้ลดโลกร้อน “นาแปลงใหญ่ เกษตรสมัยใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ณ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี โดย ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิพานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยมี นายชาตรี ฉิมพรัตน์ นายอำเภอเดิมบางนางบวช หน่วยงานในพื้นที่ ผู้นำชุมชน และสมาชิกเกษตรกรเข้าร่วมงานกว่า 100 คน
ในการนี้ นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวว่า “ปัจจุบันปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญของประเทศ การปรับตัวของภาคการเกษตรจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปสู่ระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ซึ่งสามารถลดการใช้น้ำ ลดการปล่อยก๊าซมีเทน และเพิ่มผลผลิตได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการส่งเสริมและยกระดับให้เป็นศูนย์เรียนรู้ลดโลกร้อน นาแปลงใหญ่ เกษตรสมัยใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ปัจจุบันมีสมาชิก 143 ราย พื้นที่ 6,000 ไร่ โดยศูนย์เรียนรู้ลดโลกร้อน นาแปลงใหญ่ เกษตรสมัยใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี มีการบริหารจัดการแปลงและนำเทคโนโลยี 4 ป + 1 IPM มาช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในการดำเนินการที่ผ่านมานอกเหนือจากการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ ดังนี้ 1. การปรับระดับหน้าดิน เป็นการปรับระดับพื้นที่นาข้าวด้วยระบบแสงเลเซอร์ 2. การทำเปียกสลับแห้ง เป็นการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า 3. การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นการจัดการธาตุอาหารในนาข้าวอย่างมีประสิทธิภาพ 4. การแปรสภาพฟางและตอซังข้าว เป็นการจัดการฟางและตอซังข้าวโดยวิธีต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผาทำลาย การไม่เผาฟางและตอซังข้าวในพื้นที่ 1 ไร่ จะได้ธาตุไนโตรเจน (N) 8 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส (P) 1 กิโลกรัม และโพแทสเซียม (K) 21 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านปุ๋ย และเป็นการเพิ่มปุ๋ยได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ศูนย์เรียนรู้ฯ แห่งนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมองค์ความรู้และนวัตกรรมด้านการเกษตรที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรได้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การลดการใช้น้ำลงถึงร้อยละ 50 การเพิ่มผลผลิตข้าวร้อยละ 25–40 และการลดการปล่อยก๊าซมีเทนจากกระบวนการทำนาได้มากกว่าร้อยละ 30 พร้อมส่งเสริมการนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการจัดการน้ำและแปลงนาอย่างมีประสิทธิภาพ กรมฯ มุ่งหวังให้ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้เป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับภาคการเกษตรไทยสู่ความมั่นคงทางอาหาร และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว