กมธ.สิ่งแวดล้อมลงพื้นที่ "บึงบอระเพ็ด" ชูเป็นต้นแบบการบริหารจัดการน้ำอย่างเข้าใจ-แบ่งปัน แก้ปัญหาความขัดแย้งของหน่วยงานรัฐ พร้อมเปิดตัวโมเดลข้าวคาร์บอนต่ำ-นาเปียกสลับแห้ง หนุนการอยู่ร่วมกับป่าอย่างสมดุล
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา พร้อมด้วยนายกัมพล ทองชิว ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ , นายเฉลิมพันธ์ ยินเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ , นางสาวรุ่งรัฏฏิกาล โพธิ์ไกร และนายจักรเพชร กุนทอง ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นำคณะ ลงพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อติดตามและศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานที่ใช้กฎหมายคนละฉบับ
นายชีวะภาพระบุว่า บึงบอระเพ็ดได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตั้งแต่ระดับปกติ, เตือนภัย, เสี่ยงภัย ไปจนถึงระดับวิกฤต ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค และการรักษาระบบนิเวศ ทำให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันได้อย่างสมดุล
นอกจากนี้ โมเดลบึงบอระเพ็ดยังถูกต่อยอดไปสู่แนวคิดการทำเกษตรสมัยใหม่ที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตข้าวคาร์บอนต่ำ และการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประธาน กมธ. กล่าวเสริมว่า โมเดลนี้ยังเป็นต้นแบบสำคัญที่สอดคล้องกับมาตรา 121 ของ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรและสามารถอยู่ร่วมกับผืนป่าได้อย่างสมดุล เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และจากที่ได้ลงพื้นที่พบว่าที่นี่ไม่มีการบุกรุกพื้นที่อีกแล้ว มีระบบการใช้ข้อมูลสารสนเทศและกฎหมายที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรนำไปเป็นแบบอย่างในการบริหารจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป
“เราต้องเข้าใจว่าการบริหารจัดการน้ำในวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อมนุษย์อย่างเดียว แต่ต้องทำเพื่อปลาในบึงบอระเพ็ด นกน้ำ หรือบัวแดงด้วย มันต้องมีความสัมพันธ์กัน” นายชีวะภาพกล่าวทิ้งท้าย พร้อมระบุว่า กมธ. จะนำประเด็นที่ได้จากการลงพื้นที่ไปศึกษาและผลักดันให้เกิดการพัฒนาในระดับนโยบายต่อไป.