xs
xsm
sm
md
lg

ทนายชนินทร์ อัดยับ DSI. ลงพื้นที่เขากระโดง กก.ต้องรับเป็นคดีพิเศษ เตือนเป็น เครื่องมือของอำนาจการเมืองในการรุกล้ำสิทธิประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(18 ส.ค.)นายชนินทร์ แก่นหิรัญ โพสต์ เฟซบุ๊ค ส่วนตัวระบถึงกรณี การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในพื้นที่พิพาทบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า ดูเหมือนจะกลายเป็นการแสดงอำนาจที่ไร้ขอบเขตภายใต้ชื่อ “การสืบสวนเบื้องต้น” ทั้งที่ในทางกฎหมายแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะเริ่มมีอำนาจเต็มตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ก็ต่อเมื่อ “คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับเรื่องนั้นไว้เป็นคดีพิเศษ” ตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ. ฉบับเดียวกัน ไม่ใช่เมื่อมีข่าวหรือคำสั่งภายในที่ยังไม่มีมติเสนออธิบดี “รู้ใช่ไหมว่าขอบเขตอำนาจการสอบสวนเบื้องต้นมีแค่ไหน”
.
ในกรณีเขากระโดง ที่ดินกว่า 995 แปลง เป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมาย ได้แก่ โฉนดและ น.ส.3 ซึ่งประชาชนถือครองโดยสุจริต หลายรายครอบครองต่อเนื่องมากกว่า 40 ปี และมีการซื้อขายโดยได้รับการรับรองจากเจ้าพนักงานที่ดินตามกระบวนการตามกฎหมายตลอดมา การจะกล่าวหาว่าเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยไม่มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหรือคำพิพากษาศาลที่ถึงที่สุด ย่อมเป็นการกลับบทบาทจาก “เจ้าพนักงานผู้รักษากฎหมาย” ไปเป็น “ผู้รุกล้ำสิทธิตามกฎหมายของประชาชน” เสียเอง
.
ยิ่งไปกว่านั้น ในข้อเท็จจริงทางกฎหมายปรากฏชัดว่า คณะกรรมการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีหน้าที่ชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับรัฐเรื่องสิทธิในที่ดิน ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิของประชาชน เนื่องจากการรถไฟไม่สามารถนำเอกสารสิทธิหรือหลักฐานการครอบครองที่ดินมาก่อนออกเอกสารสิทธิของประชาชนมาแสดงได้ จนอธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งยืนยันว่า “ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ” และต่อมารองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นอธิบดีทางปกครองตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ก็มีคำสั่ง “ยกอุทธรณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย” ไปแล้วอีกชั้นหนึ่ง
.
เมื่อเรื่องอยู่ระหว่างการฟ้องศาลปกครองโดยการรถไฟเอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินและรองปลัดฯ แล้วคดียังไม่ถึงที่สุดว่าคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน และรองปลัดกระทรวงมหาดไทยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ การจะให้เจ้าหน้าที่ DSI ลงพื้นที่พร้อมทำแผนที่ ชี้แนวเขต จัดจำลองภาพ และรวบรวมพยานหลักฐาน โดยอ้างว่าเป็นการสืบสวนเบื้องต้น จึงเป็นการล่วงละเมิดดุลยพินิจของเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งชี้ขาดแล้วโดยชอบ อันถือเป็นการละเมิดต่อประชาชนซึ่งยังถือเอกสารสิทธิ์ที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายที่ดิน
.
การดำเนินการดังกล่าวหากไม่มีมติของคณะกรรมการคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ ยังไม่มีฐานะเป็น “การสอบสวนคดีพิเศษตามกฎหมาย” และหากการดำเนินการนั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนโดยตรง ทั้งในทางปฏิบัติและในทางจิตใจ อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำโดยเจ้าพนักงานที่ “ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่สุจริต” หรือ “โดยใช้อำนาจเกินขอบเขตหน้าที่” ซึ่งเข้าลักษณะความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ได้
.
ดังนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่ DSI พึงระลึกคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่มีหลักประกันต่อสิทธิที่มีอยู่ตามกฎหมายของประชาชน จะทำลายความเชื่อมั่นในระบบนิติรัฐของประเทศ และอาจเปลี่ยนความตั้งใจในการปกป้องประโยชน์ของรัฐ ให้กลายเป็นการกดขี่สิทธิของประชาชนผู้สุจริตในทางปฏิบัติ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของ DSI และไม่ใช่อำนาจที่กฎหมายมอบหมาย

การเคลื่อนไหวเช่นนี้จึงไม่ควรถูกเรียกว่าสอบสวนคดีพิเศษ แต่ควรเรียกตรงไปตรงมาว่า “การใช้ DSI เป็นเครื่องมือของอำนาจการเมืองในการรุกล้ำสิทธิประชาชน” และประชาชนจะไม่ยอมให้การละเมิดในนามของความยุติธรรมกลายเป็นความชอบธรรมตามนโยบาย.#แน่ใจนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น