”จิรายุ“ ยัน รบ.เตรียมนำสื่อระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี สุรินทร์ จบข่าวกรณี “ไมเคิล“ บอก เหตุที่ชวนมาดูกับระเบิดเขมรวางในไทยเพราะบอกเป็นสื่อประจำทำเนียบขาว แต่โป๊ะแตกเป็นแค่ล๊อบบี้ยิสต์ รับจ็อบอวยเขมร ลั่นไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทย วันนี้ (17ส.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมนำสื่อมวลชนระดับโลกลงพื้นที่กองกำลังสุรนารี จังหวัดสุรินทร์ สัปดาห์หน้านี้ ในจุดที่ไทยถูกอาวุธหนักของกัมพูชาถล่ม อาทิ โรงพยาบาล โรงเรียนและพื้นที่พลเรือน
จากนั้น จะเชิญสื่อมวลชนระดับโลก ไปยังพื้นที่ที่รวบรวมกับระเบิดที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ได้โดย TMAC ก่อนจะให้ชมการปฎิบัติการทำลายวัตถุระเบิดที่ตกค้างจากการ รุกล้ำอธิปไตยไทย
ส่วนกรณีสำนักข่าวของกัมพูชา รายงานข่าวของนายไมเคิล อัลฟาโร ชาวสหรัฐ ฯ ที่ไลฟ์สด ชายแดนกัมพูชา -ไทย ด้วยการเซ็ตฉากและกล่าวอ้างว่า ตนเองเป็นสื่อมวลชนประจำทำเนียบขาวของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และกล่าวหาประเทศไทย ด้วยถ้อยคำรุนแรงและใส่ร้ายป้ายสีไทยด้านเดียว
”สัปดาห์ที่แล้วอยากเชิญนายไมเคิลฯ ที่กล่าวอ้างว่าเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวอยากให้มาเห็นของจริงในฝั่งไทยที่โดนเขมรถล่มหนักแค่ไหน นายไมเคิลฯ มีการไลฟ์สดพูด โกหกใส่ร้ายป้ายสีไทยไปทั่วโลก และบอกว่าตนเองเป็นสื่อรัฐบาลสหรัฐ ฯ จะฟ้องประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ซึ่งผมเห็นว่า หากมาเห็นอีกมุมที่ประเทศไทยโดนกัมพูชาโจมตีทั้งโรงเรียน พื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ก็เป็นประโยชน์หากเป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แต่ขณะนี้ พบว่า นายไมเคิลฯ ไม่ได้เป็นนักข่าวประจำทำเนียบขาวจริง แถมยังแอบอ้างถึง ปธน.สหรัฐ ฯ วันนี้ตนจึงขอบอกว่า “จบข่าว” ไม่ต้องมาเหยียบแผ่นดินไทยต่อไป“ นายจิรายุกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในข่าวที่นายจิรายุเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนวานนี้ รวมทั้งที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุก็ได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่า ได้รับการยืนยันจากสื่อมวลชนในสหรัฐฯ ว่านายไมเคิลไม่ใช่ผู้ประกาศข่าวทางการของทำเนียบขาว และไม่ปรากฏชัดเจนว่าอยู่กับองค์กรข่าวใด อีกทั้งจากการสืบค้นและสอบถามข้อมูล พบว่าข่าวที่นายไมเคิล รายงานในชายแดนกัมพูชานั้น เป็นการได้รับเชื้อเชิญจากนายซอนโซเพียบ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทพีอาร์ ให้กับรัฐบาลกัมพูชา โดยเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายทุกดอลลาร์ตลอดทริป ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าผู้บริหารบริษัทนี้ เป็นผู้จ่ายค่าเดินทางและไปรับที่สนามบินดูแลที่พัก อาหารการกินให้ทุกอย่าง พร้อมทั้งเซ็ตฉากให้นายไมเคิลไปทำคลิปไลฟ์สดอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งแสดงว่านายจิรายุรู้แล้วว่านายไมเคิล อัลฟาโร ไม่ใช่นักข่าวเป็นเพียงล็อบบี้ยิสต์รับจ้างจากรัฐบาลกัมพูชา แต่นายจิรายุก็ยังกล่าวเชิญชวนนายไมเคิล ให้เดินทางมาที่ประเทศไทย โดยบอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายค่าเครื่องบินค่าโรงแรมให้ รวมทั้งค่าเดินทาง อาหารการกินต่างๆ ให้ฟรีทั้งหมด หลังจากนั้นจะเป็นไกด์ทัวร์ด้วยตนเองพานายไมเคิลทัวร์ชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด ไปเยี่ยมทหารไทยที่ถูกกับระเบิด พาไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลที่ถูกกองทัพเขมรถล่ม พาไปชมร้านเซเว่นในปั๊ม ปตท. และอีกหลายพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด
ต่อมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ นายไมเคิล ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอบรับที่จะเดินทางมาไทยตามคำเชิญ พร้อมอ้างว่าภารกิจของตนคือการรวบรวมข้อมูลที่รอบด้านส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการสร้างสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาต่อไป ทำให้นายจิรายุถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่านายไมเคิลไม่ใช่นักข่าว เป็นเพียงล็อบบี้ยิสต์ทางการเมืองที่ขาดความน่าเชื่อถือ การเชิญนายไมเคิลมารายงานข่าวในไทยจึงไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ กับประเทศไทยทั้งสิ้น นอกจากจะช่วยให้นายไมเคิลได้สร้างเครดิตให้ตัวเอง
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 12.42 น. วันนี้(17 ส.ค.) เพจ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว” โพสต์ข้อความว่านายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการ ศบ.ทก. ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเรื่องการเชิญนายไมเคิล อัลฟาโร ล็อบบี้ยิสต์ ให้เดินทางมาที่ประเทศไทย และจะออกค่าใช้จ่าย ค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรมให้ รวมทั้งค่าเดินทาง อาหารการกินต่างๆ ให้ฟรีทั้งหมดนั้น ว่า เป็นเรื่องจริง ตนเองไม่ได้พูดประชดประชัน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ไมเคิลได้มาสัมผัสและเห็นความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยตัวเอง
นายจิรายุกล่าวว่า ขอให้สังคมไทยอย่าเพิ่งไปตั้งแง่ว่าเขาจะเป็นงูพิษ ที่พร้อมจะแว้งกัดไทย ตนเองอยากให้เข้ามาแล้วไลฟ์สดอธิบายเหมือนที่ได้ไลฟ์สดในเขมร ตนเชื่อว่า ถ้าเขาไลฟ์แล้วมีการปิดเบือน เราก็มีเจ้าหน้าเข้าไปชี้แจงได้ทันที ตนเองจึงอยากให้เข้ามา
เมื่อถามว่า แล้วจะเชื่อเขาได้หรือไม่เพราะหากเขาเดินทางกลับไปประเทศตัวเองแล้วไปพูดอีกอย่างหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับความจริง นายจิรายุ กล่าวว่า หากนายไมเคิลเดินทางมาประเทศไทย และยังคงนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนหรือไม่เป็นความจริง สังคมทั้งในและต่างประเทศจะเป็นผู้ตัดสินและประณามพฤติกรรมดังกล่าวเอง
นั่นแสดงว่า นายจิรายุต้องการจะเชิญนายไมเคิลมาไทยให้ได้ทั้งที่รู้แล้วว่าไม่ใช่นักข่าว แต่เป็นเพราะนายจิรายุถูกวิพากษ์จารณ์ในเรื่องนี้อย่างหนัก จึงได้เปลี่ยนใจในที่สุด