มหาดไทย กังวล “ท้องถิ่น” สับสน กฎกระทรวงเพิ่มค่าธรรมเนียมฯ เก็บ/ขน/กําจัด “ขยะพิษ” ไม่เกินเดือนละ 30 บาท ฉบับใหม่ เหตุไม่มีการกําหนด “ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ” เอาไว้ เกรงบางพื้นที่ กำหนดอัตราแตกต่างกัน ไม่สะท้อนต้นทุนบริหารจัดการ อาจถึงขั้น “ปล่อยผี” ไม่จัดดำเนินการจัดเก็บไปเลย เผย สถ. เพิ่งยกกฎกระทรวงค่าธรรมเนียมจัดการขยะ มีผล 17 พ.ย.สิ้นปีนี้ แนะยกเลิก ข้อความ “เก็บ ขน กําจัด” ฉบับปี 2559 ป้องกันท้องถิ่น สับสนการออกข้อบัญญัติ
วันนี้ (30 พ.ค.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลัง คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ ร่างกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้งและการให้บริการ ในการจัดการสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอย (ฉบับที่..) พ.ศ... ของกระทรวงสาธารณสุข
ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ถือปฏิบัติ เก็บ ขน หรือกําจัดมูลฝอย ที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน
โดยกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมฯ ได้ กําหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตเก็บ ขน หรือกําจัดมูลฝอยที่เป็นพิษ หรืออันตรายจากชุมชน
“กำหนดให้การรับทําการเก็บ และขนมูลฝอยที่เป็นพิษ หรืออันตรายจากชุมชน ฉบับละ 10,000 บาท รับทําการกําจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน ฉบับละ 15,000 บาท
กําหนดค่าเก็บ ขน และกําจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน เป็นรายเดือน ประกอบด้วย กรณีที่มีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม เดือนละ 30 บาท
และกรณีที่มีน้ำหนักเกิน 2 กิโลกรัม ให้คิดเป็นหน่วย ทุก ๆ 2 กิโลกรัม หน่วยละ 30 บาท
กําหนดค่าเก็บ ขน และกําจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน เป็นครั้งคราว กรณีที่มีน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัมให้คิดเป็นหน่วย หน่วยละ 100 กิโลกรัม ในอัตรา หน่วยละ 2,000 บาท
ขณะที่ กระทรวงมหาดไทย มีข้อสังเกตว่า กฎกระทรวงการกําหนดค่าธรรมเนียมฯ ไม่เกินเดือนละ 30 บาท ไม่ได้มีการกําหนดอัตราค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเอาไว้
ซึ่งอาจส่งผลให้ราชการส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง มีการกําหนดอัตราค่าธรรมเนียมในอัตราที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สะท้อนต้นทุนในการบริหารจัดการ หรืออาจเกิดกรณีที่ไม่ดําเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนได้
ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้ ยกร่างกฎกระทรวงกําหนด อัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลใช้ บังคับ 17 พ.ย. 2568 นี้
ซึ่งมีรายละเอียดในส่วนของค่าธรรมเนียมเดียวกันกับการเก็บ ขน และ กําจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยของกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต หนังสือรับรองการแจ้ง และการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2559
จึงเห็นควรมีการยกเลิกกฎกระทรวงฯ ฉบับ พ.ศ. 2559 "ในส่วนที่เป็นการเก็บ ขน และการกําจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยทั่วไป เพื่อป้องกันการสับสน ของราชการส่วนท้องถิ่นในการออกข้อบัญญัติของท้องถิ่น”
นอกจากนั้น ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทําแนวทางการดําเนินการตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้ประกอบด้วย
ขณะที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นว่า การเพิ่มค่าธรรมเนียม และค่าบริการในการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนไว้ในอัตราขั้นสูง
เพื่อใช้เป็นกฎหมายอ้างอิงอัตราค่าธรรมเนียมให้ อปท.สามารถจัดเก็บค่าบริหารจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชนที่เหมาะสมตามบริบทของแต่ละพื้นที่
ซึ่งการเพิ่มเติมแนวทางดังกล่าวมีความสอดคล้องกับหลักการ "ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pay Principle: PPP)" ที่ส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันของผู้ก่อมลพิษ ในการชําระค่าบริการเก็บ ขน และกําจัดมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตราย
สภาพัฒน์ ยังเห็นว่า เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อจํากัดในการบริหารจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน
อาทิ การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่เหมาะสม การทิ้ง เก็บ และขนมูลฝอย ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการคัดแยกและการทิ้ง อย่างถูกต้อง
ดังนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในทางปฏิบัติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรณรงค์เพื่อสร้าง ที่เป็นพิษหรืออันตรายรวมกับมูลฝอยประเภทอื่น
ความตระหนักรู้ให้ประชาชนเห็นถึงความสําคัญของการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายที่มาจากชุมชน และส่งเสริมการคัดแยกจากแหล่งกําเนิด
อาทิ การจัดให้มีจุดรองรับการทิ้ง ระบบคัดแยกและรวบรวมมูลฝอย แบบแยกประเภทตั้งแต่ต้นทาง ตลอดจนกําหนดเวลาในการจัดเก็บที่เหมาะสม
เพื่อให้เกิดการคัดแยกแล้ว นํากลับมาแปรรูปใช้ใหม่ หรือ ใช้ซ้ำ (Recycling and Reuse) ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณและลดปริมาณของเสียทีต้องกําจัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.