’ทักษิณ’ แย้มอังคารที่จะถึงนี้ ครม.เคาะชื่อผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ได้ โยนถาม ’หมอมิ้ง’ เปลี่ยนชื่อหรือไม่ ลั่น 22 ส.ค.นี้คดี 112 ก็จบแล้ว จะขอไปต่างประเทสเพื่อคุยเรื่องการลงทุนขนาดใหญ่จากต่างประเทศ เหน็บเรื่องเขมรต้องคุยกับคนที่คุยได้ อย่าไปคุยกับคนที่แอบอัดเทป บอกการเมืองต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ต้องเดินหน้าได้ด้วย
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในการปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” ในช่วงการสนทนาถามตอบกับนายวีระ ธีรภัทร และ นางสาวชุติมา พึ่งความสุขว่า สำหรับเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ที่ขณะนี้กฎหมายยังไม่เข้าสู่สภาฯ นั้น มันน่าเบื่อ เพราะอะไรๆ ก็ต้องมีกฎหมายก่อน เช่นเดียวกับรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่ก็เหมือนกับที่ตนเคยพูดว่าอะไรที่สามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) อะไรได้ก็ออกไป เพราะมันเร่งด่วนทุกเรื่องไม่เช่นนั้นประเทศมันพัง แต่เมื่อออก พ.ร.ก.ไปก็จะมีคนไปร้องอีก ซึ่งพวกขาประจำตนก็ไม่รู้จะคุยกับพวกเขายังไง เพราะเขาไม่คุยกับตนเลย
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) วันที่ตนเข้ามาตอนนั้นยังไม่มีการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เลยตนได้เรียกเจ้าของแบงก์ทั้งหลายมาคุย ตนบอกว่ารู้ว่าพวกเขากำไรหมดแล้ว ตนขอซื้อ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาก็โอเค อย่างไรก็ตาม เราพยายามดิ้นรนทำให้จีดีพีมันโตขึ้น หากจีดีพีโตสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีก็ลดลง ซึ่งหากเราทำให้จีดีพีโตมันโตตามที่ควรจะเป็น วันนี้หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ตอนที่ตนเป็นนายกฯ ใหม่ๆ รองผู้ว่าแบงก์ชาติจะต้องเข้ามานั่งอธิบายเรื่องเศรษฐกิจเดือนละครั้ง มีอยู่วันหนึ่งเขาบอกว่าจีดีพีจะเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ตนจึงบอกว่าตนยังไม่ได้บอกเลยว่าจะใช้งบประมาณไปใส่ในส่วนไหน ยังไม่ได้ถามตน แล้วจะทำนายเศรษฐกิจให้ตนแล้วหรือ เขาบอกว่าเป็นธรรมชาติของนักเศรษฐศาสตร์ทายผิดก็ทายใหม่ได้
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ขณะนี้กำลังจะมีการเปลี่ยนผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่นั้น ตอนนี้ได้แล้ว รอเอาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง รู้เพียงแค่ว่าจะนำเข้า ครม.วันอังคารที่ผ่านมา แต่บังเอิญมีเรื่องของการตรวจสอบประวัติให้เรียบร้อยก่อน จึงต้องนำเข้า ครม. วันอังคารที่จะถึงนี้ แต่จะมีการเปลี่ยนชื่อหรือชื่อจะเป็น ว. หรือ ร. นั้น ต้องถามนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ
สำหรับเรื่องการลงทุนต่างๆ นั้น หากคุณเป็นเจ้าของบริษัท แล้วคุณไม่มีความมั่นใจบริษัทตนเอง แล้วจะให้ใครมาลงทุน ดังนั้น หากคุณมีสภาพคล่อง คุณต้องทำการซื้อหุ้นคืน แล้วคุณบอกคุณมีความสามารถในการทำให้บริษัทโต คุณต้องซื้อ โดยวันนี้รัฐวิสาหกิจจะเริ่มซื้อหุ้นของตัวเองแล้ว เพราะเขามั่นใจว่าตัวเองยังดีอยู่ และตอนนี้เราเพิ่งเวฟเรื่องภาษีอยู่ เพิ่งจะเริ่ม ยังไม่ได้ซื้อจนจะหมดเงิน
นายทักษิณ กล่าวถึงเรื่องการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ด้วยว่า การรู้จักกันคือได้พูด แต่ทั้งหมดอยู่ที่ดีลว่าเขาพอใจหรือไม่พอใจ ไม่ใช่ว่ารู้จักกันแล้วต้องลดให้พิเศษ ไม่ใช่การขายของสำเพ็ง โดยวันที่ตนเข้าไปพูดคุยกับทีมไทยแลนด์ที่บ้านพิษณุโลกที่ผ่านมานั้น มีการพูดคุยกันกับครอบครัวเขา เพราะรู้จักกัน แต่จริงๆ ไม่มีอะไรดีกว่าการไปเจอหน้ากัน
เมื่อถึงช่วงนี้พิธีกร ถามว่า ฉะนั้น ศาลควรอนุญาตให้ท่านเดินทางไปต่างประเทศใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “เดี๋ยววันที่ 22 สิงหาคมนี้ คดีมาตรา 112 ก็จบแล้ว” และกล่าวต่อว่า หากคดีจบแล้วตนจะเดินทางไปเจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยขออนุญาตศาลไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต เพื่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน โดยเฉพาะหลายเรื่องที่เมื่อเรามีโครงการขนาดใหญ่แล้วนำเงินต่างประเทศมาลงทุน แล้วไม่ให้เป็นภาระกับประชาชนผู้ใช้บริการในโอกาสต่อไปมากนัก ตนคิดว่าเม็ดเงินเหล่านี้จะมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อคนไทยก็จะดีขึ้น
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชานั้น เราอย่าคุยกับคนที่เราคุยได้ แล้วคุยแล้วอัดเทปจะคุยทำไม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องประเทศกัมพูชาเท่านั้น แต่ของไทยเราก็ไม่เข้าใจ เขาปัญหาน้อย แต่ของเราเยอะกว่า เราไปนั่งคิดโน้นนี่นั่น เรื่องแบ่งเขตแดนต่างๆ ความจริงแล้วการพัฒนาร่วมนั้นมันไม่ได้ใช้เขตแดนที่ชัดเจนว่าต้องแบ่งเช่นนั้น ผ่าเช่นนี้ เป็นเรื่องที่การเมืองเราไม่แข็งแรง
เมื่อถามว่า นายทักษิณเป็นคนที่มองการณ์ไกล มีอะไรที่จะนำพาประเทศ แต่ก็มีข้อสงสัยว่าจะพ่วงไปด้วยผลประโยชน์ของครอบครัวด้วยหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า ขณะนี้ตนไม่ได้ทำธุรกิจอะไรเลย แต่ก็ยังมีการหาว่าตนเอาทองไปทิ้งไว้ที่กัมพูชา พอไม่พูดก็ถามว่าหายไปไหน หาว่าเปิดบัญชีไว้ที่เขมร เลยต้องแสดงตนหน่อย
เมือ่ถามว่าในช่วงชีวิตมีโอกาสเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่น่าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่จะเกิดเป็นจุดๆ มากกว่า ที่จะลามไปถึงสงครามโลกคงยาก เพราะหลายประเทศมีเรื่องความมั่นคั่งเยอะแล้ว คอยดูยูเครนต้องใช้เงินมหาศาลในการบูรณะ ส่วนไต้หวันก็น่าจะไม่ทำให้เกิดสงครามโลก
เมื่อถามว่า นายทักษิณเป็นคนชอบความเสี่ยง แต่การทำอะไรจะต้องคิดให้รอบด้านด้วย ความหมายของการคิดให้รอบด้านในทัศนะของนายทักษิณคืออะไร นายทักษิณตอบว่า “ผมไม่สามารถคิดอะไรที่้บอกว่าต้องได้รับการสนับสนุนร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วค่อยทำ มันเป็นไปไม่ได้ นานาจิตตัง มนุษย์มันเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย บางคนมีวิชั่น บางคนก็มีวิสั้น ความเข้าใจไม่เหมือนกัน พวกวิสั้นกับพวกวิชั่นมันเถียงกันทั้งวัน บางครั้งหากเราจะคิดว่าสิ่งที่เราคำนวณแล้ว เราประเมินว่าเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่แล้วคนส่วนน้อยบ้าง เราก็ต้องอธิบายให้คนเขาฟัง ไม่ใช่บอกว่าต้องอิกนอร์เลย เพราะการเมืองต้องได้รับการสนับสนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่มากได้ แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ได้ด้วย ไม่งั้นประเทศก็ไม่ไปไหน” นายทักษิณ กล่าว