ร้านอาหารรัฐสภา ร้อง “นันทนา” ถูกยกเลิกขายฟ้าผ่า ปูดไร้สิทธิประมูลโรงอาหารใหม่ หวั่นรายใหญ่ผูกขาด

พ่อค้า-แม่ค้าร้านอาหารรัฐสภา ร้อง “สว.นันทนา” ถูกคำสั่งยกเลิกร้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แฉไม่ได้รับสิทธิร่วมประมูลโรงอาหารใหม่ หวั่นผู้ประกอบการรายใหญ่ผูกขาด ด้าน “นันทนา” ลั่น จะไม่ยอมให้รัฐสภากว่า 5,000 คนต้องกินของแพง พร้อมเตรียมยื่นเรื่องถึงประธานรัฐสภา

วันนี้ (15 ก.ค.) ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา รับหนังสือร้องเรียนจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารประจำรัฐสภา ฝั่งสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังคณะกรรมการสวัสดิการร้านค้าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีประกาศให้ยกเลิกร้านค้าทั้งหมด และแจ้งให้ขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ โดยไม่มีการชี้แจงล่วงหน้า หรือแจ้งกำหนดวันประมูลร้านค้าใหม่แต่อย่างใด

น.ส.นันทนา เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนเพิ่งทราบจากคำร้องของผู้ประกอบการ และไม่เคยได้รับแจ้งจากคณะกรรมการ มาก่อน ทั้งที่ตนเป็นสมาชิกของรัฐสภา ยืนยันว่า การกระทำดังกล่าวไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการรายเดิม ซึ่งบางรายอยู่คู่กับรัฐสภามาตั้งแต่ปี 2541 หรือก่อนย้ายจากรัฐสภาเดิม

เธอตั้งข้อสังเกตว่า การเร่งรัดยกเลิกสัญญาโดยไม่เปิดโอกาสให้ร้านค้าเดิมเข้าร่วมประมูล อาจเป็นการดำเนินการแบบลับๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการรายใหญ่ และอาจเป็นการผูกขาดโรงอาหารในรัฐสภา ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 5,000 คน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ สส., สว., ผู้ช่วย, สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป โดยกังวลว่าอาจทำให้ผู้ใช้บริการต้องรับภาระค่าอาหารที่แพงขึ้น

น.ส.นันทนา กล่าวอีกว่า หากพบว่ากระบวนการคัดเลือกร้านค้าใหม่ไม่มีความโปร่งใส หรือไม่เปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยร่วมเสนอราคา ตนจะยื่นเรื่องถึงประธานรัฐสภา พร้อมเรียกร้องให้ยุติเรื่องนี้ชั่วคราว และพิจารณาจัดกระบวนการใหม่ให้รอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเดิมที่สร้างความผูกพันกับผู้ใช้บริการมายาวนาน

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ว่า เหตุใดจึงไม่แจ้งผู้ค้าให้รับทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือน เพราะการแจ้งในวันที่ 8 กรกฎาคม แล้วให้ย้ายออกภายใน 15 สิงหาคม เป็นเวลาเพียง 37 วัน ซึ่งสั้นเกินไป และทำให้ผู้ค้าตั้งตัวไม่ทัน

ขณะเดียวกัน นายสุรชาติ บุญมามอญ ตัวแทนผู้ค้า กล่าวยืนยันว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไม่เคยได้รับการสอบถามหรือรับฟังปัญหา อยู่ๆ ก็มีคำสั่งให้ย้ายออกโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยากลำบาก บางร้านมีพนักงานต้องเลี้ยงดูครอบครัว หากไม่มีร้านค้า อาจไม่มีรายได้จุนเจือ

ขณะที่พ่อค้าร้านผักสดรายหนึ่ง ระบุว่า หลายคนมีสถานะเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ใช้รายได้จากร้านค้าเป็นค่าใช้จ่ายหลักในครอบครัว รวมถึงเป็นค่าเล่าเรียนของลูกหลาน การถูกบอกเลิกแบบไม่มีทางเลือกเช่นนี้ เปรียบเสมือน “ฟ้าผ่า” ที่ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน และยังไม่มีทางออกว่าจะไปค้าขายต่อที่ใด

ผู้ค้าทั้งหมดเรียกร้องให้มีการทบทวนคำสั่งยกเลิกดังกล่าว และขอให้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้เข้าร่วมกระบวนการประมูลอย่างเป็นธรรม ไม่ถูกตัดสิทธิหรือปิดประตูใส่หลัง ทั้งนี้ จะมีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาในเร็วๆ นี้ เพื่อให้ได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และสามารถค้าขายต่อไปในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้.