MGR Online - ฝนตกหนักต่อเนื่องนานกว่าสัปดาห์ในรัฐคะฉิ่น แม่น้ำสายหลักเอ่อล้นท่วมอย่างรวดเร็วในหลายเมือง ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะไม่ทันตั้งตัว ล่าสุด มวลน้ำก้อนใหญ่ในแม่น้ำอิรวดีกำลังไหลลงใต้ผ่านมิตจีนา มุ่งหน้าสู่ภาคสะกายและมัณฑะเลย์
Kachin News Group รายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐคะฉิ่นต่อเนื่องนานกว่า 1 สัปดาห์ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ได้ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำ 2 สายหลัก คือ"มะลิคะ"และ"เมคะ"ที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำอิรวดีเอ่อล้นตลิ่งอย่างรวดเร็ว แผ่ท่วมบ้านเรือนของทุกชุมชนตลอดแนวลำน้ำ ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะไม่สามารถขนของหนีน้ำได้ทัน
ที่ปูตาโอ จังหวัดเหนือสุดของรัฐคะฉิ่น ระดับน้ำในแม่น้ำมะลิคะเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม จนเอ่อล้นท่วมหลายชุมชนตามแนวถนนเลียบแม่น้ำ ตั้งแต่ตัวเมืองปูตาโอ ลงมายังเมืองซูมบะระบูม ผ่านเมืองติยานซุต จนถึงเขตมิตโส่ง
แม่น้ำมะลิคะหรือแม่น้ำเมลิมีต้นกำเนิดอยู่บนเทือกเขาทางตอนเหนือสุดของรัฐคะฉิ่น ในจังหวัดปูตาโอ จากนั้นไหลงมาทางทิศใต้เป็นระยะทางประมาณ 310 กิโลเมตร จนบรรจบกับแม่น้ำเมคะกลายเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำอิรวดี ที่เขตมิตโส่ง เหนือจากตัวเมืองมิตจีน่าขึ้นมาประมาณ 45 กิโลเมตร
ส่วนแม่น้ำเมคะความยาว 230 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากธารน้ำแข็งของเทือกเขาหิมาลัยในจีน ก่อนไหลเข้าสู่รัฐคะฉิ่นที่อำเภอข่องหลั่นพู จังหวัดปูตาโอ ผ่านเมืองข่องหลั่นพู เมืองชีพวย และไปรวมกับแม่น้ำมะลิคะที่เขตมิตโส่ง ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนชาวบ้านตั้งตัวไม่ทันเช่นกัน
ที่เมืองชีพวย ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเมคะ มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ระดับน้ำได้เอ่อล้นท่วมหลายชุมชน โดยเฉพาะค่ายผู้ลี้ภัยจากการสู้รบมีอยู่หลายแห่งต่างได้รับความเสียหาย ผู้ลี้ภัยจากการสู้รบในค่ายต้องรีบอพยพหนีน้ำไปสร้างที่พักชั่วคราวบนพื้นที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง
รายงานล่าสุดจาก Kachin News Group ระบุว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา มวลน้ำก้อนใหญ่จากแม่น้ำมะลิคะและเมคะได้ไหลลงสู่แม่น้ำอิรวดี ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำอิรวดีเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมวลน้ำก้อนนี้ได้ลงไปถึงอำเภอเวียงหม้อหรือวายหม่อ และตัวเมืองมิตจีน่า เมืองหลวงของรัฐคะฉิ่นแล้ว
โดยเมื่อวานนี้(2 มิ.ย.) Kachin News Group ได้เผยแพร่ภาพมวลน้ำที่ทำให้ระดับแม่น้ำอิรวดีเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนและที่นาในอำเภอเวียงหม้อ รวมถึงน้ำที่ท่วมขังอยู่ในอุทยานมะนาอู ในตัวเมืองมิตจีนา
คาดว่า มวลน้ำก้อนใหญ่ก้อนนี้ จะไหลต่อลงไปทางใต้ผ่านจังหวัดบ้านบ่อ(บะโม) เข้าสู่ภาคสะกายและมัณฑะเลย์เป็นลำดับถัดไป